Sunday, August 25, 2013

Global Fire Power (GFP)

Global Fire Power (GFP) จะจัดอันดับความแข็งแกร่งของพลังอำนาจทางทหารของประเทศทั่วโลก โดยใช้ดัชนีชี้วัดพลังอำนาจทางทหารของประเทศ คือ Power Index (PwrIndx)  คิดคำนวณจาก 40 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องใน 7 หมวดคือ Man Power, Land System, Air Power, Naval Power, Resources, Logistical, Financial, และ Geography ประเทศที่มีค่า PwrIndx ใกล้ค่า 0.0000 มากที่สุด คือ ประเทศที่ความแข็งแกร่งของพลังอำนาจทางทหารของประเทศสูงสุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ถ้าประเทศใดมีค่า PwrIndx เป็น 0.0000 หมายความว่าประเทศนั้นมีพลังอำนาจทางทหารของประเทศสมบูรณ์แบบที่สุด ตามฐานข้อมูล GFP Database ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 (8/1/2013) มีทั้งหมด 68 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับ GPF Ranking และประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางทหารสูงสุด 10 อันดับแรกในระดับ Global (ภูมิภาครวมทั่วโลก) หรือ Top 10 GPF Ranking in Global คือ
  1. USA        PwrIndx: 0.2475
  2. Russia        PwrIndx: 0.2618
  3. China        PwrIndx: 0.3351
  4. India        PwrIndx: 0.4346
  5. United Kingdom    PwrIndx: 0.5185
  6. France        PwrIndx: 0.6163
  7. Germany        PwrIndx: 0.6491
  8. South Korea    PwrIndx: 0.6547
  9. Italy        PwrIndx: 0.6838
  10. Brazil        PwrIndx: 0.6912
สำหรับประเทศไทย (Thailand) อยู่ในอันดับที่ 20 ในระดับภูมิภาครวมทั่วโลก (Global) มีค่า PwrIndx: 0.8979  ส่วน GPF Ranking ระดับเอเซียแปกซิฟิก (Asia-Pacific) 10 อันดับแรก หรือ Top 10 GPF Ranking in Asia-Pacific Region คือ
  1. Russia        PwrIndx: 0.2618
  2. China        PwrIndx: 0.3351
  3. India        PwrIndx: 0.4346
  4. South Korea    PwrIndx: 0.6547
  5. Turkey      PwrIndx: 0.7059
  6. Pakistan   PwrIndx: 0.7331
  7. Indonesia   PwrIndx: 0.7614
  8. Japan  PwrIndx: 0.7918
  9. Taiwan  PwrIndx: 0.8632
  10. Thailand    PwrIndx: 0.8979
ที่มา  GPF Ranking

Monday, August 12, 2013

5 สิ่งที่คนเรามักเสียดาย ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

หากเอ่ยถามคนหนุ่มคนสาวว่า มีอะไรในชีวิตที่รู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้ทำหรือไม่ เชื่อเลยว่าหนุ่มสาวส่วนใหญ่คงจะนึกไม่ออก และบอกไม่ถูกเป็นแน่ เพราะลึก ๆ แล้วเราต่างก็เผลอคิดไปว่าชีวิตนั้นยังคงอยู่อีกยาวไกล มีเวลาให้ทำในสิ่งที่อยากทำอีกตั้งเยอะ แต่หากนำคำถามเดียวกันนี้ไปถามคนชรา หรือผู้ป่วยใกล้ตายแล้วละก็ อาจจะได้คำตอบที่ยาวเหยียดกันเลยทีเดียว เพราะเวลาชีวิตที่ล่วงเลยมาจนถึงช่วงสุดท้าย มักจะทำให้คนเราเห็นคุณค่าของชีวิตและมองเห็นสิ่งที่ชีวิตขาดหายได้ชัดเจน

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้บรอนนี แวร์ พยาบาลชาวออสเตรเลียรายหนึ่งที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยใกล้ตาย ตัดสินใจรวบรวมคำตอบของคนที่มีเวลาชีวิตเหลือน้อยมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ The Top Five Regrets of the Dying เพื่อเป็นกระจกสะท้อนกลับมาถึงคนที่กำลังมีชีวิตอยู่ ให้ได้ถามตัวเองดูว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้ชีวิตมีความสุขหรือมีคุณค่าอย่างที่เราอยากให้เป็นแล้วหรือไม่ หรือเรากำลังดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางที่เราอาจรู้สึกเสียดายภายหลัง โดยจากหนังสือของบรอนนี แวร์ เธอระบุไว้ว่าสิ่งที่คนใกล้ตายส่วนใหญ่รู้สึกเสียดายกันมากที่สุด ได้แก่ 5 สิ่งต่อไปนี้

1. เสียดายที่ไม่ได้ทำตามสิ่งที่ใจต้องการ นี่เป็นสิ่งที่คนใกล้ตายรู้สึกเสียดายกันมากที่สุด เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าเวลาชีวิตเหลือน้อย และลองมองกลับไปในอดีต พวกเขามักจะเห็นว่ามีความฝันอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม บางคนก็ดำเนินชีวิตไปตามความคาดหวังของคนอื่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ทุกคนล้วนมีอิสระ มีเวลาที่จะเติมเต็มความฝันและทำอย่างที่ใจต้องการได้ทั้งชีวิต น่าเสียดายที่กว่าจะรู้ตัว พวกเขาก็ไม่มีเวลาชีวิตเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว

2. เสียดายที่ทำงานอย่างหนัก ไม่ใช่แค่ผู้ป่วยชายใกล้ตายเท่านั้นที่รู้สึกเสียดายชีวิตที่ทุ่มเทไปกับการทำงานมากเกินไป แต่ผู้หญิงก็เช่นกัน พวกเขามักเสียดายที่เวลาชีวิตไม่น้อยถูกใช้ให้หมดไปกับการทำงาน จนทำให้เวลาที่อยู่กับคนรัก ลูก ๆ และครอบครัวมีน้อยมากในความรู้สึก

3. เสียดายที่ไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นรู้ ผู้ป่วยใกล้ตายหลายคนกดเก็บความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อใครหลายคนไว้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับคนเหล่านั้น ผลสุดท้ายก็ต้องมานอนเสียดายหรือเจ็บใจที่ความไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกในอดีต ทำให้เขาไม่ได้เป็นในสิ่งที่เขาสามารถเป็นได้ นอกจากนี้ ยังมีการพบว่าผู้ป่วยหลายรายมีสุขภาพจิตย่ำแย่จากการเก็บกดความรู้สึกเช่นนี้ในช่วงสุดท้ายก่อนตายอีกด้วย

4. เสียดายที่ปล่อยให้เพื่อนฝูงห่างหาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า แม้ว่าบางช่วงชีวิต "เพื่อน" อาจดูไม่ได้สำคัญกับชีวิตเท่าไร แต่เมื่อถึงตอนใกล้ตาย คนแทบทุกคนมักจะคิดถึงและเรียกร้องหาเพื่อนเก่าทั้งนั้น เพราะพวกเขามักจะมานั่งนึกถึงอดีตและมองเห็นความดีของเพื่อนที่เข้าใจเมื่อสาย กว่าจะรู้ตัวก็ปล่อยให้เพื่อนเก่าห่างหาย ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหนเสียแล้ว

5. เสียดายที่ไม่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้ ชีวิตคนเรามีเวลามากมายในการทำให้ชีวิตและจิตใจตัวเองมีความสุขในทุก ๆ วัน แต่บางครั้งคนเรากลับเคยชินที่จะอยู่กับชีวิตแบบเดิม ๆ พฤติกรรมแบบเดิม ๆ และความไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ทำให้หลายคนต้องแสร้งทำเหมือนตัวเองมีความสุขให้คนอื่นเห็น บางครั้งก็หลอกตัวเองว่ามีความสุขด้วย ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ แล้ว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเกิดขึ้นได้ยากมาก สุดท้ายก็มานั่งเสียดายที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งเดิม ๆ และเพิ่งจะมาตระหนักรู้เอาตอนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตว่าความสุขนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะเป็นได้

และนี่ก็คือ 5 สิ่งที่คนใกล้ตายมักจะรู้สึกเสียดายกันมากที่สุด อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่คุณ ๆ จะต้องย้อนถามตัวเองกันบ้างแล้วค่ะว่า ณ วันนี้ที่ชีวิตยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีโรคภัยหรือความชรามาเป็นอุปสรรคแล้ว คุณได้ทำชีวิตให้มีความสุขมีคุณค่ามากแค่ไหน และอยากทำสิ่งดี ๆ ใดให้เกิดขึ้นในชีวิตบ้าง แล้วเริ่มลงมือทำสิ่งเหล่านั้นเสียเลย อย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต จะได้ไม่มาบ่นเสียดายหรือเสียใจในสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสทำแต่ก็ไม่ได้ทำ

ทำไมเวลาที่ฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก เราผูกพัน

ทำไมเวลาที่ฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก เราผูกพันและบางครั้งก็รู้สึกเหงาด้วย 
 
เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน
ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที

จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยิน

นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก

ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า

พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน "

ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้
"ฉัน กลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"

ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"

ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"

จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ

จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก
คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย

Sunday, August 11, 2013

Stuxnet (สตักซ์เน็ต)

Stuxnet (สตักซ์เน็ต) เป็นโปรแกรมหนอนคอมพิวเตอร์ถูกตรวจพบครั้งแรกเดือนมิถุนายน 2010 โดยมีความเชื่อว่า Stuxnet นี้ถูกสร้างโดยกลุ่มคนหรือองค์กรจากประเทศมหาอำนาจ โดย Stuxnet ถูกตรวจพบและรายงานครั้งแรกว่าได้เข้าโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน

Stuxnet จะคัดลอกตัวเองและแพร่กระจายผ่าน Microsoft Windows และมีเป้าหมายไปที่ระบบควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม (Siements Industrial control system) และระบบพีแอลซี (Programmable Logic Controllers)

บริษัท ไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า มีคอมพิวเตอร์ทั่วโลกติดไวรัสสตักซ์เน็ตแล้วถึงกว่า 4.5 หมื่นเครื่อง และในเวลาต่อมาบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างระบุว่า ไวรัสดังกล่าวมีเป้าหมายมุ่งเจาะระบบควบคุมคอมพิวเตอร์ของบริษัท ซีเมนส์ จากเยอรมนี ที่นิยมใช้กันในระบบอุตสาหกรรมเพื่อควบคุมระบบท่อส่งน้ำมัน สายส่งไฟฟ้า และโรงงานนิวเคลียร์ทั่วโลก และบริษัท ไซแมนเทค ในสหรัฐได้รายงานว่าประมาณ 60% ของระบบคอมพิวเตอร์ที่ตกเป็นเป้าหมาย ล้วนเป็นคอมพิวเตอร์ในประเทศอิหร่าน

ประเทศที่ตรวจพบการแพร่ระบาดสตักซ์เน็ต: รายงานจากบริษัท ไซแทนเทค (สหรัฐอเมริกา)
  1. อิหร่าน 58.85%
  2. อินโดนีเซีย 18.22%
  3. อินเดีย 8.31%
  4. อาเซอร์ไบจาน 2.57%
  5. สหรัฐ 1.56%
  6. ปากีสถาน 1.28%
  7. ประเทศอื่นๆ 9.2%
จุดประสงค์ของสตักซ์เน็ต (Stuxnet)

สตักซ์เน็ตแตกต่างจากหนอนคอมพิวเตอร์ทั่วไปคือ มันมีจุดประสงค์ที่จะโจมตี สร้างความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์ของ Siemens ทำงานอยู่ กล่าวคือ ถ้าคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดหนอนคอมพิวเตอร์นี้ (สตักซ์เน็ต) มีซอฟต์แวร์ของ Siemens ติดตั้งและทำงานอยู่ มันจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้ระบบคอมพิวเตอร์เหล่านั้น เช่น เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าในระบบซอฟต์แวร์ควบคุมโรงงาน หรือ ถ้าเป็นโรงงานนิวเคลียร์ก็จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่เกี่ยวกับส่วนควบคุมการทำงานกับแร่ยูเรเนียมหรือเแร่ธาตุอื่นๆ เป็นต้น ในขณะที่ถ้าคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดหนอนคอมพิวเตอร์นี้ (สตักซ์เน็ต) ไม่มีซอฟต์แวร์ของ Siemens ติดตั้งและทำงานอยู่ มันจะสร้างความเสียหายเล็กน้อยให้แทน  โดยหนอนคอมพิวเตอร์ (สตักซ์เน็ต) จะมีการแบ่งชั้นการโจมตีไว้ 3 ระบบ คือ
  1. ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ Windows
  2. ระบบซอฟต์แวร์ Siemens PCS 7, WinCC และ STEP7 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ในโรงงานอุตสาหรกรรม (โรงงานนิวเคลียร์)
  3. ระบบพีแอลซี Siemens S7 PLC

More information:
Stuxnet, http://en.wikipedia.org/wiki/Stuxnet
Nicolas Falliere, Liam O Murchu, and Eric Chien, W32.stuxnet.dossier , Symantec Security Response, February 2011.
David Kushner, The Real Story of Stuxnet and How it worked, Spectrum IEEE Telecom and Security, 26 Feb 2013.

Sunday, May 19, 2013

MY WRISTWATCH COLLECTION

WRISTWATCH NO.1 - CITIZEN ECO-DRIVE
BRAND: CITIZEN (JAPAN)
STYLE: MINI SPORTS WATCH
WATCH TYPE: ELECTRONIC MOVEMENTS by SOLAR POWER
CALIBER: E110
MODEL NO: E110-R31858 RC
WATER RESISTANT: GENERAL 10M-50M
BUY: 3,000 BATH by DISCOUNT
DATE OF PURCHASE: 04/13/2007
BUYING ADDRESS: CITIZEN SHOP AT ROBINSON FASHION ISLAND IN BANGKOK
WATCH SERIAL NO: 630131
MAKING YEAR: 2000 (EXPECTED)



WRISTWATCH NO.2 - RAM INSTRUMENT DIVE
BRAND: RAM INSTRUMENT (USA)
STYLE: DIVE WATCH
WATCH TYPE: ELECTRONIC MOVEMENTS by QUARTZ
CALIBER: UNKNOWN (Rugged Japanese Quartz Movement)
MODEL: RAMW41100
WATER RESISTANT: 20ATM (200M)
BUY: 2,000 BATH
DATE OF PURCHASE: IN 2008
BUYING ADDRESS: CHULAPORN FORT (THAI MARINE) IN NARATHIWAT
WATCH SERIAL NO: UNKNOWN
MAKING YEAR: UNKNOWN


WRISTWATCH NO.3 - CASIO EDIFECE
BRAND: CASIO EDIFECE (JAPAN)
STYLE: CHRONOGRAPH WATCH
WATCH TYPE: ELECTRONIC MOVEMENTS by QUARTZ
CALIBER: 5118
MODEL: EF-539D-1AVEF
WATER RESISTANT: 100M
BUY: 3,000 BATH by TAX FREE and DISCOUNT
DATE OF PURCHASE: IN 2011
BUYING ADDRESS: SANTI SUK MARKET IN HAT-YAI
WATCH SERIAL NO: UNKNOWN
MAKING YEAR: UNKNOWN



WRISTWATCH NO.4 - RTARF (Royal Thai Armed Forces Headquarters)
BRAND: RTARF (THAILAND)
STYLE: DRESS WATCH
WATCH TYPE: ELECTRONIC MOVEMENTS by QUARTZ
CALIBER: UNKNOWN
MODEL: UNKNOWN
WATER RESISTANT: NON
BUY: NOT BUY BUT GETTING FREE FROM RTARF
DATE OF PURCHASE: 2012 (FREE)
BUYING ADDRESS: N/A
WATCH SERIAL NO: UNKNOWN
MAKING YEAR: UNKNOWN


WRISTWATCH NO.5 - SEIKO 5 SPORTS MINI MONSTER
BRAND: SEIKO (JAPAN)
STYLE: SPORTS WATCH
WATCH TYPE: MECHANICAL MOVEMENTS by SELF-WINDING
CALIBER:7S36
MODEL: 7S36-03D0 / SNZF49K1
WATER RESISTANT: 100M
BUY: 8,219.50 BATH by DISCOUNT FROM 9,670 BATH
DATE OF PURCHASE: 05/15/2013
BUYING ADDRESS: SEIKO SHOP AT ROBINSON IN KHON-KAEN
WATCH SERIAL NO: 260274
MAKING YEAR: 2010 (EXPECTED)




WRISTWATCH NO.6 - OMEGA SEAMASTER
BRAND: OMEGA SA (SWITZERLAND)
STYLE: DRESS WATCH
WATCH TYPE: MECHANICAL MOVEMENTS by SELF-WINDING
CALIBER: 565
MODEL NO: UNKNOWN
WATER RESISTANT: WATERPROOF 
BUY: 1,800 BATH
DATE OF PURCHASE: IN 1967 (MY FATHER BOUGHT IT AND GAVE IT TO ME ON 05/24/2013)
BUYING ADDRESS: WATCH SHOP IN KHON-KAEN
WATCH SERIAL NO: UNKNOWN
MAKING YEAR: 1959-1966