Thursday, March 31, 2011

Jonathan Bruce Postel (Jon Postel)


โจนาธาน บรูซ โพสเทล (Jonathan Bruce Postel)
(6 สิงหาคม 1943 - 16 ตุลาคม 1998) มีอายุได้ 55 ปี เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน สาขาคอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนามาตรฐานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นบรรณาธิการเอกสาร RFC และเป็นผู้บริหาร Internet Assigned Numbers Authority (IANA)

โจนาธาน บรูซ โพสเทล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทสาขาวิศวกรรมศาสตร์ (1966,1968) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (1974) แห่ง UCLA (University of California, Los Angeles) ขณะเขาอยู่ที่ UCLA เขาได้ร่วมงานในการพัฒนาเครือข่าย ARPANET หลังจากนั้นเขาได้ย้ายไปทำงานที่สถาบันวิทยาการสารสนเทศ (Information Sciences Institute) แห่ง University of Southern California

โจนาธาน บรูซ โพสเทล ถือเป็นผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตคนสำคัญยิ่งและเป็นผู้ออกแบบและกำหนดมาตรฐานโปรโตคอล TCP/IP ซึ่งเป็นโปรโตคอลหลักที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลระดับชั้น Transport Layer บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และนอกจากนี้ยังเป็นผู้ออกแบบและกำหนดมาตรฐานโปรโตคอล DNS รวมทั้งโปรโตคอลอื่นๆ ด้วย
Map of the Internet, created by Jon Postel in 1982.


ที่มา: Jon Postel

Monday, March 28, 2011

Paul Baran หนึ่งในผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตตายแล้ว


หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่านายพอล บารัน (Mr.Paul Baran) วิศวกรอเมริกันที่ช่วยสร้างอาร์พาเนต ( Arpanet) อันเป็นเครือข่ายที่รัฐบาลสหรัฐใช้ก่อนกลายมาเป็นอินเทอร์เนตนั้น เสียชีวิตแล้วขณะมีอายุ 84 ปีที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยโรคมะเร็งปอด
ทั้งนี้ นายบารันนำเสนอการสร้างเครือข่ายด้านการสื่อสารที่เปราะบางน้อยกว่าเครือข่ายทั่วไป ต่อการโจมตีหรือการประสบปัญหา การประดิษฐ์คิดค้นของเขาช่วงกลางทศวรรษ 60 ล้ำยุคมากจนเมื่อเขาไปเสนอแนวคิดเพื่อสร้างเครือข่ายนี้ต่อบริษัทเอทีแอนด์ที ปรากฏว่าถูกบริษัทปฏิเสธ
นายวินตัน เซิร์ฟ รองประธานกูเกิลและเพื่อนสนิทของบารัน กล่าวว่าเอทีแอนด์ทีปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแนวคิดของเขาไม่มีทางได้ผล และไม่เข้าร่วมในโครงการอาพราเนต
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐเป็นผู้สร้างอาร์พาเนตเมื่อปี 2512 และต่อมาเครือข่ายดังกล่าวได้กลายมาเป็นอินเทอร์เน็ต (Internet)

เทคโนโลยีการสื่อสารที่นายบารันนำเสนอคือ เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลแบบบล็อกข้อมูลกระจาย (Messages Block Distributed Communications) หรือที่เรียกว่า Packet Switching ซึ่งในขณะที่นายบารันคิดค้นเทคโนโลยีสื่อสารแบบใหม่นี้ (เป็นการสื่อสารแบบดิจิตอล) โลกในขณะนั้นใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ Circuit Switching

เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ Packet Switching เป้นการคิดค้นจากนักวิจัยจำนวน 3 คน ดังนี้
1.Paul Baran (1926–2011) คิดค้น Packet Switching
2.Donald Davies (7 June 1924 – 28 May 2000) คิดค้น Packet Switching
3.Leonard Kleinrock (เกิด 1934 และยังมีชีวิตอยู่) คิดค้น Queueing Theory เป็นส่วนสำคัญให้ Packet Switching สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และคิดค้นเครืองสื่อสารข้อมูล Interface Message Processor (IMP) ใช้เป็นโหนดในการสือสารของ Packet Switching ในโครงการระบบเครือข่าย ARPANET


Donald Watts Davies



Leonard Kleinrock และเครื่อง IMP เครื่องแรก


ที่มา:
- กรุงเทพธุรกิจ, "ผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตตายแล้ว"
- The NewyorkTime, "Paul Baran, Internet Pioneer, Dies at 84"
- Packet Switching

Saturday, March 12, 2011

สึนามิที่ญี่ปุ่น วันที่ 11 มี.ค.54

ภาพวีดีโอเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 54 จากช่องทีวีข่าว NHK

12 มี.ค 2367

วันนี้เมื่อหลายปีก่อนเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญคือ เมื่อวันที่ 12 มี.ค 2367 อังกฤษประกาศสงครามครั้งแรกกับพม่าอย่างเป็นทางการ สมัยพระเจ้าบาคญีดอ จากนั้นได้ส่งกองทัพบุกแคว้นยะไข่ ยึดร่างกุ้งได้ในเวลาต่อมา

พบรักในที่ทำงาน

ผมพบบทความนี้โดยบังเอิญและคิดว่าคนในวัยทำงานทุกคนน่าจะได้ประสบกับสถานการณ์ที่เรียกว่า พบรักในที่ทำงาน ดังนั้นผมจึงนำบทความนี้จาก น้อง CUPID มาลงใน Blog ของผม เพื่ออ่านกันแบบสนุกๆ
-----------------
พบรักในที่ทำงาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า หลายๆชั่วโมงในหนึ่งวันเราก็อยู่แต่ที่ทำงาน ดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นแฟนกันในที่ทำงาน อ๊ะอ๊ะแต่ก่อนจะจีบใครในที่ทำงาน เราควรทราบลักษณะเฉพาะของที่ทำงานกันก่อน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆค่ะ ลักษณะเฉพาะที่ว่านี้และข้อแนะนำก็คือ

1. ข่าวคราวจะแพร่เร็วมาก โดยเฉพาะข่าวไม่ดีในทุกสังคมจะแพร่เร็วเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าไม่อยากตกเป็นข่าว(เม๊าส์)ก็ควรทำตัวเงียบๆเข้าไว้ค่ะ อย่าจู๋จี๋กันมากเกินไป จนคนหมั่นไส้ หรือเจ้านายต้องเรียกเตือนให้มาทำงาน ม่ายอาว ม่ายอาว

2. ไม่รู้เป็นอะไร พวกนี้จะมีโสดไม่จริงแฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน(ใครรู้ช่วยบอกด้วยจ้า) ดังนั้นจะรักใครชอบใครควรสืบประวัติดีๆก่อนนะคะ ผู้หญิงบางคนแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล หรือผู้ชายบางคนแต่งงานแล้ว แต่เป็นประเภทโสดเฉพาะนอกบ้านก็เยอะค่ะ ดังนั้นควรลองถามประวัติกับเพื่อนร่วมงานเค้า หรือหัวหน้า หรือลูกน้องเขาก่อนจะดีที่สุดค่ะ

3. การทำงานด้วยกัน มันต้องมีปัญหาเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาหรือการควบคุมอารมณ์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราควรใช้ความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานให้เป็นประโยชน์ โดยการ(แอบ)ถามเพื่อนร่วมงานเค้า ว่าเค้าทำงานเป็นยังไงบ้าง ขี้โมโหมั๊ย มีความรับผิดชอบเรื่องงานมั๊ย ทำงานเครียดหรือไม่ งกกับลูกน้องบ้างเปล่า หรือชอบดุด่าว่ากล่าวโดยไม่มีเหตุผล คำถามพวกนี้ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ เพราะมันคือชีวิตประจำวันเค้าเวลาเจอปัญหาหรือการอยู่ต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นถ้าเราฟังคำตอบแล้วรับไม่ได้ ก็อย่าไปจีบหรือไปชอบเค้าตั้งแต่ต้นจะดีกว่าค่ะ คนเราดูภายนอกอย่างเดียวมันไม่พอ

4. หนีไม่พ้นต้องเจอกันบ่อย หรือทุกวัน ดังนั้นการคบกัน คงมีบ้างที่มีปัญหากัน จึงให้ระลึกไว้เสมอว่า จงอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ไม่ใช่ว่าเวลาทะเลาะกันก็บอกว่า ถ้าให้หนูทำงานกับเค้า หนูไม่ทำ ถ้าเป็นอย่างนี้อาจจะเสียทั้งแฟนเสียทั้งงานได้โดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ

5. มีตัวเชื่อมให้คุยกันมากมาย ทำให้เนื้อหาในการสนทนาไม่น่าเบื่อหน่าย เช่นคุยกันเรื่องปัญหาการทำงาน ปัญหากับเจ้านาย กับลูกน้อง เป็นต้น

6. ใครๆก็รู้จักเราสองคน ดังนั้นควรทำตัวให้ดี จีบกันอย่างสร้างสรรค์ และอย่าทะเลาะกันจนคนอื่นเค้าเอาไปนินทา รักษาภาพพจน์ในที่ทำงานด้วยจ้ะ แล้วก็อย่าให้ตนเองกลายเป็นคนดังในเรื่องความเจ้าชู้จีบไม่เลือก หรือเป็นแฟนกับใครก็คบไม่นานเลิกทุกราย อย่างนี้ใครจะกล้าเข้ามาใหม่ล่ะคะ หรือถ้าต้องเลิกกันก็อย่าไปเที่ยวเล่าความไม่ดีของเค้าให้คนอื่นฟังค่ะ มันไม่ดีเลย

7. ต้องยอมรับสภาพว่า ถ้าจีบไม่ติด หรือเป็นแฟนกันแล้วต้องเลิกกัน ยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันกับเค้าให้ได้ค่ะ ต้องมี spirit ในการทำงาน ดังนั้นถ้าจีบควรจีบแบบเนียนๆ อย่าให้ใครรู้จะดีที่สุด หรือถ้ารู้ ก็อย่ารู้วงกว้างมากไป เดี๋ยวเลิกกันจะลำบากตอบคำถาม

ที่มา: น้อง CUPID

Thursday, March 10, 2011

Aerosmith

ข้อมูลพื้นฐาน

แหล่งกำเนิด บอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตต์ สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง ฮาร์ดร็อก, เฮฟวีเมทัล, บลูส์-ร็อก
ปี 1970-ปัจจุบัน
ค่าย Columbia, Geffen

สมาชิก

สตีฟ ไทเลอร์
ชื่อเต็ม : สตีฟ วิคเตอร์ ทอลไลริโค
วันเกิด : 26 มีนาคม 1948
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : ฮาร์โมนิก้า แมนโดนลิน เปียโนและขลุ่ย

โจ เพอร์รี่
ชื่อเต็ม : แอนโธนี โจเซฟ เพอร์รี่
วันเกิด : 10 กันยายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์

แบรด วิทฟอร์ด
ชื่อเต็ม : แบรด เออร์เนสต์ วิทฟอร์ด
วันเกิด : 23 กุมภาพันธ์ 1952
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์

ทอม แฮมิลตัน
ชื่อเต็ม : โธมัส วิลเลี่ยม แฮมิลตัน
วันเกิด : 31 ธันวาคม 1951
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : เบสกีตาร์

โจ เครเมอร์
ชื่อเต็ม : โจเซฟ ไมเคิล เครเมอร์
วันเกิด : 21 มิถุนายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กลองและเพอร์คัชชั่น

Aerosmith เป็นวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด วงหนึ่งในยุค 70 พวกเขาเป็นวงฮาร์ดร็อค ที่มีพื้นฐานดนตรี แบบบลูส์ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวงโรลลิ่ง สโตนส์ และเล็ด เซ็พพลิน สตีเว่น ไทเลอร์ นักร้องนำและ โจ เพอร์รี่ มือกีต้าร์ ร่วมกันก่อตั้งวงขึ้นในปีค.ศ. 1970 ในช่วงสิ้นปีนั้น ทอม แฮมิลตัน มือเบส, แบรด วิทฟอร์ดมือริธึ่มกีต้าร์ และโจอี้ เครเมอร์ มือกลอง ก็เข้ามาสมทบ โดยโจอี้ เครเมอร์ เป็นผู้ตั้งชื่อ Aerosmith เป็นชื่อวงดนตรี

วงดนตรีจากบอสตันวงนี้ เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง โคลัมเบีย เร็คคอร์ดส ในปี 1972 และ1 ปีให้หลังก็ออกผลงานชิ้นแรกในนามAerosmith อัลบั้มดังกล่าว มีเพลงเด่นเป็นเพลงช้าที่ทรงพลังอย่าง Dream On ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 59 ในอันดับเพลงป๊อป ของนิตยสารบิลบอร์ด อัลบั้มชุดต่อมาคือ Get Your Wings ออกขายในปี 1974 และติดอันดับ อัลบั้มของบิลบอร์ด อยู่นานถึง 86 สัปดาห์ อัลบั้ม Toys In The Attic ในปีค.ศ. 1975 เป็นอัลบั้มสร้างชื่อของAerosmith ด้วยความแรงของ สองซิงเกิ้ลเอกของอัลบั้มคือ Walk This Way กับ Sweet Emotion ทั้งสองเพลงขึ้นถึงอันดับ 10 และ 36 ตามลำดับ และตัวอัลบั้มเองก็ขึ้นถึงอันดับ 11 และตามมาด้วยอัลบั้มชุด Rocks ที่ออกขายในเดือนพฤษภาคม ปี 1976 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะขึ้นถึงอันดับ 3

ช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 70 และ 80 สมาชิกวง Aerosmith เริ่มมีปัญหาเรื่องยาเสพติด (สตีฟ ไทเลอร์) หลังการลาออกของโจ เพอร์รี่ และแบรด วิทฟอร์ด สถานภาพของวงก็เริ่มง่อนแง่น แต่เมื่อสมาชิกดั้งเดิมของวง กลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 1985 เพื่อทำอัลบั้ม Done With Mirrors อัลบั้มดังกล่าวก็ขึ้นถึงอันดับที่ 36 ทำให้การหวนคืนสู่อันดับเพลงของ Aerosmith กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเพลงร็อค ถึงเวลานี้ น้อยคนที่จะสงสัยว่า Aerosmith จะยังคงสามารถออกอัลบั้ม ที่ประสพความสำเร็จได้เทียมเท่า หรือมากกว่าผลงานในยุคทศวรรษที่ 70 หรือไม่ ความสำเร็จครั้งใหม่เริ่มต้นเมื่อสตีเว่น ไทเลอร์ และ โจ เพอร์รี่ ที่เพิ่งออกจากสถานบำบัดผู้ติดยา นำเพลงเก่า คือ Walk This Way มาทำใหม่ (Run DMC) และไต่ขึ้นถึงอันดับที่ 4 หลังจากการทำสัญญากับ เกฟเฟ่น เร็คคอร์ดส

Aerosmith เริ่มออกผลงานชุดแรกในสังกัดนี้ ในปี 1987 คือ Permanent Vacation ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง Angel (ขึ้นถึงอันดับ 3) และ Dude (Looks Like A Lady) (อันดับ 12) ปี 1989 Aerosmith ออกอัลบั้ม Pump มีเพลงฮิต What it take (ขึ้นอันดัล 9 ใน Billboard Hot 100 และขึ้นอันดับ 1 Mainstream Rock Tracks) ใน ปี 1993 Aerosmith กลับมา พร้อมกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยอัลบั้ม Get A Grip ซึ่งอยู่ในอันดับอัลบั้มของบิลบอร์ดนานถึง 92 สัปดาห์ และทำให้พวกเขามีเพลงที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ได้เป็นครั้งแรก

ในช่วงฤดูร้อนปี 1998 วงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแก่วงนี้ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ในอันดับเพลงของ บิลบอร์ดอีกครั้ง ด้วยเพลง I Don't Want To Miss A Thing ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon จนถึงปี 2001 พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้ม jaded กับ sony music











Tuesday, March 08, 2011

World Military Strength Ranking

การจัดอันดับพลังอำนาจทางทหารของโลก
อันดับที่ 1-10
1.USA
2.China
3.Russia
4.India
5.U.K.
6.France
7.Germany
8.Brazil
9.Japan
10.Turkey
อันดับที่ 11-20
11.Israel
12.South Korea
13.Italy
14.Indonesia
15.Pakistan
16.Taiwan
17.Egypt
18.Iran
19.Mexico
20.North Korea
อันดับที่ 21-30
21.Sweden
22.Greece
23.Canada
24.Saudi Arabia
25.Ukraine
26.Australia
27.Spain
28.Thailand
29.Denmark
30.Poland
อันดับที่ 31-40
31.Philippines
32.South Africa
33.Argentina
34.Syria
35.Norway
36.Georgia
37.Iraq
38.Venezuela
39.Libya
40.Afghanistan

ที่มา: GlobalFirepower.com: World Military Strength Ranking

Saturday, March 05, 2011

คุณเหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างคนโสดหรือไม่

หากคุณไม่แน่ใจว่าไลฟ์สไตล์แบบโสดๆ จะเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ขอเชิญวัด “ดีกรีความเป็นคนโสด” ของตัวเอง ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้
1. คุณเป็นคนรักอิสระอย่างแรง
2. คุณหวงแหนความเป็นส่วนตัว และชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว
3. คุณมีความอดทนต่ำกับปัญหาของคนอื่น
4. คุณมักจะหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปรู้เห็น หรือแบกรับภาระของคนอื่น
5. คุณมีอารมณ์ศิลปิน ชอบทำอะไรตามใจฉัน คาดเดายาก และชอบทำตัวเป็นบุคคลลึกลับ
6. คุณขี้เบื่อ และทนอยู่กับอะไรที่ซ้ำซากได้ไม่ดีนัก
7. คุณรักสงบ และเกลียดการมีปากเสียงเป็นที่สุด
8. คุณรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องพบปะญาติพี่น้อง
9. ความฝันของคุณคือการท่องไป เพื่อผจญภัยในโลกกว้าง มากกว่าการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
10. เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ คุณมักเลือกที่จะ “หัก” มากกว่าเลือกที่จะ “งอ”

ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” มากกว่า 7 ข้อขึ้นไปแล้วล่ะก็ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมคนโสด” เพราะที่นั่น คุณน่าจะมีชีวิตที่เปี่ยมสุข เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกเป็นอิสระมากกว่ากันเยอะ

Wednesday, March 02, 2011

Command Post Exercise (CPX)

A Command Post Exercise (CPX) is a medium-cost, medium-overhead training exercise that may be conducted in garrison or in the field. It is the most common exercise used for training the battalion staff, subordinate, and supporting leaders in order to successfully plan, coordinate, synchronize, and exercise C2 over operations during mission execution. In garrison, a CPX is an expanded MAPEX, using tactical communications, both digital and analog, systems and personnel in a CP environment. Normal battlefield distances between the CPs are usually reduced, and CPs do not need to exercise all tactical communications.

The most effective CPXs are conducted in the field. In field operations time-distance should realistically reflect Army doctrine and Mission, Enemy, Troops, Terrain, and Time Available (METT-T). Operations should be continuous and support the use of all organic and supporting communications equipment. Commanders can practice combined arms integration and tactical emplacement and displacement of CPs. Each headquarters should practice survivability operations such as dispersion, camouflage, and security.

In preparation, units often conduct a TOCEX prior to conducting a CPX. This allows the principal and special staffs to organize for war (such as CPs and staff cells) and train MTP tasks. Additionally, it provides the command group and staff the opportunity to practice setting up the CPs

Ref: Global Security.org: Command Post Exercise (CPX)