ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างสำหรับคนไร้คู่หรือไม่ กับประโยคที่ว่า “อยู่เป็นโสด สนุก และมีความสุขกว่าตั้งเยอะ” เห็นได้จากเพื่อนของทีมงานบางคนที่ตั้งใจจะใช้ชีวิตโสด เพราะไม่อยากถูกมัด และมีบ่วงคอยรัดตัว ถึงแม้จะต้องทนกับคำว่าขึ้นคานก็ตาม แต่ถ้าให้เลือกระหว่าง “อิสระ” กับ “ภาระ” เปอร์เซ็นต์ของการครองชีวิตโสดนับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
ไม่ต่างกับคนรู้จักของทีมงานจำนวนหนึ่งที่แต่งงานมีลูกกันแล้ว แต่ถวิลหาอยากกลับไปใช้ชีวิตโสดอีกครั้ง เพราะได้ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มที่ และไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ทั้งเรื่องการศึกษาของลูก ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย
ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่ง กลับมองว่า อยู่เป็นโสดทั้งเหงา และโดดเดี่ยว มิหนำซ้ำยังไม่มีคนดูแลในยามแก่เฒ่า หรือไม่มีใครที่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เลย
และนี่จึงเป็นที่มาของหัวข้อคำถามใน Parent's Opinions สัปดาห์นี้ที่เราขอเปิดพื้นที่ให้ท่านผู้อ่านได้เข้ามาวิเคราะห์กันอย่างตรงไปตรงมาว่า ระหว่างชีวิตโสด VS ชีวิตคู่ แบบไหนที่คุณคิดว่าดีกว่ากัน เข้ามาบอกเล่า และแลกเปลี่ยนกันได้ทางกล่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างนี้ หรือถ้าใครพอจะมีแง่มุม หรือประสบการณ์ดีๆ ที่เห็นสมควรแก่การแบ่งปัน ทีมงานยินดีน้อมรับด้วยความขอบคุณครับ
ทีมงาน Life & Family
*****************
ความคิดเห็นที่ 17
ผมมีความเห็นว่า ท่านที่บอกว่าได้อย่างเสียอย่าง เป็นความคิดเห็นที่เป็นกำปั้นทุบดินเกินไปครับ และประเด็นของเรื่องนี้ผู้เขียนก็ตั้งโจทย์ไว้แล้วว่าอยากได้ความคิดเห็นว่า การมีคู่ครองหรือเป็นโสดอะไรดีกว่ากัน เพราะฉะนั้นการแสดงความคิดเห็นควรเน้นด้านใดด้านหนึ่งและบอกเหตุผลของตนเองออกมาให้ชัด มันจะได้เป็นข้อมูลสำหรับคนอื่น ๆ จะได้นำไปคิดพิจารณาต่อไป และเป็นข้อมูลที่จะนำมาใช้ได้ในอนาคตด้วย
ตัวผมเองผ่านการมีครอบครัวและเลิกลากันไปเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีบุตรมาเป็นปัญหาในการตัดสินใจ ส่วนสาเหตุก็เป็นเรื่องแนวคิดของแต่ละฝ่ายโดยไม่มีปัญหาด้านชู้สาวมือที่สามใด ๆ ทั้งสิ้น
จากประสบการณ์ของผมเองเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้ข้อสรุปของตนเองว่า การมีชีวิตคู่นั้นสิ่งสำคัญคือทั้งสองคนหวังจะมีบุตรเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปหรือไม่ หากต้องการมีบุตรการมีชีวิตคู่จึงจะมีได้และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริง ในกรณีที่ไม่ได้คิดหวังจะมีบุตรไว้สืบทอดวงศ์ตระกูลการมีชีวิตคู่แค่มีเพื่อนใกล้ชิดที่รู้ใจ และเป็นคู่ครองกันไปตลอดชีวิตนั้นจะมีได้ก็เมื่อคนทั้งสองเข้าใจแต่ละฝ่ายอย่างดีและยอมรับกันได้ดีด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในความรู้สึกของผม เพราะคนเรานั้นอาจมีช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงกันได้และแนวคิดก็อาจเปลี่ยนไปได้เช่นกัน นอกจากนั้นรสนิยมส่วนตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน หากไม่สอดคล้องกันจริง ๆ แล้วปัญหาจะเกิดได้ทันที
การใช้ชีวิตอยู่กินร่วมกันก่อนการสมรสนั้น ก็เป็นอีกแนวความคิดหนึ่งที่เคยมีการนำเสนอต่อสังคม เรื่องนี้ในต่างประเทศเขานิยมทำกันเพราะเขาไม่ได้คิดในด้านเพศสัมพันธ์ว่าสำคัญ เพราะเขาถือว่าเป็นประสบการณ์เท่านั้น แต่การจะถือแบบนี้ได้ เราต้องยอมรับกันอย่างแท้จริงว่า ผู้ที่เราเลือกมาเป็นคู่ครองอาจผ่านการมีเพศสัมพันธ์มามากมายแล้วก็ได้โดยไม่คิดมาก (อย่างแท้จริง) ปัญหาการเป็นคนโสดหรือมีคู่ครองจึงไม่ใช่สาระสำคัญเท่าใดนักหากคิดแบบนี้
คนไทยเรายังไม่ค่อยยอมรับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของฝ่ายหญิงก่อนการสมรส ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายชายเองผ่านการมีเพศสัมพันธ์มากมายแล้วก็ได้ เพราะสภาพสังคมเอื้อให้เป็นเช่นนั้น แต่สังคมทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นประอีกประเด็นหนึ่งที่เราต้องพิจารณาว่าเราจะยอมรับได้ในระดับไหน ถูกผิดเป็นเรื่องที่สรุปได้ยาก มันอยู่ที่ใจเราเองเท่านั้น
การมีคู่ครองนั้นฐานะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเราจะเห็นได้ว่ามีคู่ครองมากมายที่ฐานะยากจนและมีความสุขอยู่ร่วมกันได้ ช่วยกันทำมาหากินและบุตรสืบทอดได้อย่างอดทนและไม่มีปัญหา ทั้งนี้ทั้งนั้นคู่ครองคู่นั้นต้องมีทัศนคติที่ดีและรู้จักการเลี้ยงดูบุตรเป็น นั่นหมายถึงว่าทั้งคู่มีพื้่นฐานด้านความรู้พอสมควรที่จะมีครอบครัวได้
การอยู่เป็นโสดตัวคนเดียวที่หลายท่านกล่าวว่าเป็นชีวิตที่เงียบเหงา มันอาจจริงแต่จะเป็นแค่ช่วงเวลาระยะสั้น ๆ เท่านั้นเอง และหากคุณหาข้อสรุปในการใช้ชีวิตส่วนตัวได้แล้วผมว่าปัญหานี้ไม่มีแน่นอน เพราะเรามีเพื่อนได้ การมีเพื่อนที่ดีและสนิทเราหาได้หลายคน แต่การมีคู่ครองที่ดีนั้นเราหาได้คนเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นพื้นฐานอยู่ที่ตัวเราเองเป็นหลัก ถ้าเราทำตัวไม่ดีชีวิตก็ไม่ดี หากเราทำตัวได้ดีชีวิตจะได้ดีเช่นกันและไม่เงียบเหงาเลย แต่สิ่งสำคัญสำหรับคนโสดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เราต้องสร้างฐานะเราให้มั่นคงและคิดให้รอบคอบในการใช้สอยต่าง ๆ โปรดอย่าลืมว่าชีวิตคนโสดค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าคนมีครอบครัว (หมายถึงค่าเฉลี่ยต่อหัวนะครับ) ดังนั้นการใช้ชีวิตโสดนั้นต้องวางแผนการเงินของตัวเองให้รอบคอบด้วย เพราะในอนาคตเมื่ออายุมากแล้วเราต้องใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ส่วนตัว เพราะไม่มีครอบครัวช่วยดูแล ซึ่งต้องใช้เงินทั้งสิ้น
ครับผมก็บอกเล่าประสบการณ์จริงของตัวเองให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณากัน รักชอบวิธีใดก็เลือกใช้กันด้วยสติปัญญาและสภาพแวดล้อมของท่านก็แล้วกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
Thursday, September 12, 2013
วิธีหาความสุขให้ตัวเองชีวิตไม่เหงา
ชีวิตไม่เหงา วิธีหาความสุขให้ตัวเอง "โสด" แต่มีความสุข ฉบับคริมานั้น เธอแนะไว้ว่า
1.อย่าตอกย้ำตัวเองว่าเหงา เพราะยิ่งคิดจะยิ่งเหงา
2.เวลาเหงาอย่าคิดขวนขวายมีคู่ ถ้าไม่เจอจะเจ็บเอง
3.อย่าอิจฉาคนมีคู่ ให้คิดว่าเราก็มีคู่ คู่พ่อแม่ คู่เพื่อน คู่พี่น้อง
4.เห็นคนอื่นจูงมือกัน ต่อมอิจฉากำเริบ สลัดความคิด แล้วไปจูงมือเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ ช็อปปิ้ง เดินดูของให้หนำใจแทน
5.ที่สำคัญทำชีวิตให้สดใส ดูแลตัวเอง แม้หน้าตาเป็นด่านแรก แต่สุดท้าย คือ นิสัยใจคอ ขอให้คิดบวก
6.หากฟุ้งซ่าน ลองหันหน้าเข้าธรรมะ จิตใจจะได้สงบขึ้น
ถึง "โสด" แต่ก็มีความสุขอย่างสาวเหมียงนั้น เธอบอกว่า
1.อันดับแรก อย่าคิดขวนขวายมีความรัก ขอให้เชื่อในความมั่นใจของตัวเองว่าเรามีงานทำ มีการศึกษา มีเพื่อน มีครอบครัวที่รัก
2.เหงานักไปกินข้าวกับเพื่อน ไปเสริมสวย ไปช็อปปิ้ง ซื้อของให้ตัวเอง เป็นรางวัลชีวิต
3.อย่าเครียด อย่ากังวล เพราะมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ยิ่งทำให้แย่มากกว่าเดิม
4.เริ่มต้นใช้ชีวิตแบบใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดโต๊ะทำงานใหม่ หาความสุขให้ตัวเอง
5.ให้คิดว่าเรามีคนรักอยู่รอบตัว จากเพื่อน ครอบครัว คนใกล้ชิด ซื้อของให้เพื่อน ครอบครัวแทน
สุดท้าย ทำตัวเองให้มีความสุขทุกวัน ยิ้มรับกับวันใหม่ๆ สลัดเรื่องเก่าๆ ทิ้งให้หมด และทำตัวให้สดใสมากกว่าเดิม คิดบวกเข้าไว้
เขียนโดย menmen
1.อย่าตอกย้ำตัวเองว่าเหงา เพราะยิ่งคิดจะยิ่งเหงา
2.เวลาเหงาอย่าคิดขวนขวายมีคู่ ถ้าไม่เจอจะเจ็บเอง
3.อย่าอิจฉาคนมีคู่ ให้คิดว่าเราก็มีคู่ คู่พ่อแม่ คู่เพื่อน คู่พี่น้อง
4.เห็นคนอื่นจูงมือกัน ต่อมอิจฉากำเริบ สลัดความคิด แล้วไปจูงมือเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ ช็อปปิ้ง เดินดูของให้หนำใจแทน
5.ที่สำคัญทำชีวิตให้สดใส ดูแลตัวเอง แม้หน้าตาเป็นด่านแรก แต่สุดท้าย คือ นิสัยใจคอ ขอให้คิดบวก
6.หากฟุ้งซ่าน ลองหันหน้าเข้าธรรมะ จิตใจจะได้สงบขึ้น
ถึง "โสด" แต่ก็มีความสุขอย่างสาวเหมียงนั้น เธอบอกว่า
1.อันดับแรก อย่าคิดขวนขวายมีความรัก ขอให้เชื่อในความมั่นใจของตัวเองว่าเรามีงานทำ มีการศึกษา มีเพื่อน มีครอบครัวที่รัก
2.เหงานักไปกินข้าวกับเพื่อน ไปเสริมสวย ไปช็อปปิ้ง ซื้อของให้ตัวเอง เป็นรางวัลชีวิต
3.อย่าเครียด อย่ากังวล เพราะมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ยิ่งทำให้แย่มากกว่าเดิม
4.เริ่มต้นใช้ชีวิตแบบใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดโต๊ะทำงานใหม่ หาความสุขให้ตัวเอง
5.ให้คิดว่าเรามีคนรักอยู่รอบตัว จากเพื่อน ครอบครัว คนใกล้ชิด ซื้อของให้เพื่อน ครอบครัวแทน
สุดท้าย ทำตัวเองให้มีความสุขทุกวัน ยิ้มรับกับวันใหม่ๆ สลัดเรื่องเก่าๆ ทิ้งให้หมด และทำตัวให้สดใสมากกว่าเดิม คิดบวกเข้าไว้
เขียนโดย menmen
ข้อดีของชีวิตโสด
วันนี้ เรากำลังจะบอกคุณ ๆ ทั้งหลายที่ โสดว่า จงภูมิใจไว้เถิด ความโสดของคุณน่ะ ช่างมีคุณค่าและน่าหวงแหนจะตายไป ใคร ๆ ก็พากันอิจฉา ไม่ได้โสดแล้วมีความสุขกันง่าย ๆ อย่างที่เห็นหรอกจะบอกให้ แต่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณโสดแล้วสุขได้น่ะนะคุณเอ๊ย มันจะเป็นความสุขที่คุณสร้างขึ้นได้ด้วยสมอง สองมือบวกด้วยหัวใจของตัวคุณเอง และคุณจะรู้สึกว่าคุ้มค่าเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้
ก็เพราะว่า...
ข้อดีของชีวิตโสดมีมากมาย
- คุณลองตรองดูดี ๆ ชีวิตนี้ใครจะสุขีได้เท่าเรา ทำงานคนเดียวใช้เงินคนเดียว เที่ยวก็ สบายใจ
- ไม่ต้องคอยโทรฯหาใคร ประหยัดค่าโทรศัพท์ไปได้โข
- ชีวิตนี้มีแต่คำว่าอิสระเสรี ในขณะที่ใครหลาย ๆ คน สะกดคำนี้ยังไม่เป็น
- คุณจะเป็นอินดี้ตัวจริงของแท้ ก็ Independent แปลว่า “อิสรภาพ”
- คุณจะเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่สุดกำลัง จะบ้าแหวกแนว หรือ’ติ๊สท์รับประทานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องแคร์ใคร
- คุณไม่ต้องเก๊กฟอร์มให้ตัวเองดูดีอยู่ได้ทุกนาที เพราะกลัวคนรักจะรับในความอุบาทว์ของตัวเราไม่ได้
- ชีวิตนี้คุณเคยมีความฝันเป็นของตัวเองบ้างไหม ถ้ามีคุณสามารถลงมือทำได้ทุกเมื่อ บางทีการมีแฟนก็หมายถึงการที่เราต้องไปแชร์ความฝันร่วมกันกับเขาหรือเธอคน นั้น โดยที่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย
- หมดเรื่องที่จะบั่นทอนกำลังใจในชีวิตไปได้อีกหนึ่งเรื่อง
- ไม่ต้องมีพันธะกับใครทั้งทางใจและกาย
- มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่ได้ดูแลตัวเอง หาความสุขให้ตัวเอง ส่วนจะเป็นวิธีไหนนั้น พบคำตอบได้ในหัวข้อต่อไป
- ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร แต่ถ้าจะเปลี่ยน เงื่อนไขคือ เพื่อตัวเราเอง!
- คุณจะเป็นที่รักของใครหลายคนพี่น้อง เพื่อนฝูง เพราะเขาจะเห็นว่าคุณคือคนที่มีเวลาให้พวกเขาได้ทุกเวลา
- จำไว้ชีวิตของคนโสด มิตรภาพ ความฝัน และตัวของฉัน จะมีความสำคัญมาเป็นอันดับที่ 1
- คุณมีเปอร์เซ็นต์เรียนรู้โลกกว้างใบนี้ได้มากกว่าคนไม่โสดถึง 90%
- บทเพลงของความเหงาก็ซึ้งได้พอ ๆ กับบทเพลงของความรักหรือเรื่องราวอกหัก รักคุด ลองหาฟังดู
โสดไลฟ์สไตล์
....นี่คือหนทางแห่งการค้นหาความสุขให้ตัวเองด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
- การไปดูหนังคนเดียวมันก็สนุกไปอีกแบบ หนำซ้ำคุณจะได้จดจ่ออยู่กับหนังจนเรียกได้ว่า นี่แหละคือการมาดูหนังอย่างแท้จริง
- โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก เกิดมาแค่ชีวิตเดียว ก็ยังเที่ยวไม่หนำใจเลย เพราะฉะนั้นออกเดินทางสู่โลกกว้างซะตั้งแต่วันที่คุณยังมีพลังดีกว่า เดี๋ยวจะไม่คุ้มค่าหากถึงเวลาที่คุณต้องจากโลกนี้ไป
- การไปไหนมาไหนคนเดียวสนุก ตื่นเต้น และน่าผจญภัยเป็นที่สุด
- ออกเที่ยวกับเพื่อนฝูงได้เสมอ สิ่งที่คุณจะได้กลับมาก็คือ คุณจะตระหนักได้ถึงคำว่ามิตรภาพมากขึ้นด้วย
- ทุ่มเทให้กับการทำงานและความฝัน
- ชีวิตมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ และไม่มีอะไรมีความสุขไปกว่าการได้ทำตามใจตัวเอง
- ทำไมต้องทำอะไรตามใครจะมีแฟนก็ต่อเมื่อมีความรัก ถ้าความรักมันไม่เกิดก็ไม่ต้องไปมีมัน ดูเป็นคนมีอุดมการณ์ออกจะตาย ไม่จำเป็นและดูไร้สาระมาก หากต้องมีแฟนเพื่อไม่ให้ตกยุค
- อยากทำอะไรที่ชีวิตไม่เคยทำบ้าง ทำเป็นลิสต์ออกมา ตั้งใจทำทีละอย่างให้ลุล่วง เต็มที่ไปเลย
- คุณคิดจะรักใครชอบใครเมื่อไหร่ก็ได้ หากเป็นแค่ความชอบโดยไม่ต้องต่อยอดไปสู่ความรัก ความรู้สึกเวลาที่ไปแอบชอบใครสักคนเนี่ย มันก็มีความสุขไปอีกแบบ หัวใจคุณจะตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ทุกครั้งที่เขาหรือเธอเดินผ่านมา แม้แค่เพียงเสียงเดินคุณก็ยังจำได้ ถ้าไม่โสดความรู้สึกแบบนี้มันไม่สนุกหรอกนะจ๊ะ
- อุทิศเวลาให้สังคมบ้างก็จะเป็นโสดเพื่อการกุศล
เงื่อนไขที่คนโสดต้องรับได้และการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
- ไม่สนุกหรอกกับการที่จะต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องความรัก เอากำลังใจที่เหลือของชีวิตไปสร้างสรรค์ด้านดี ด้านอื่น ๆ ในชีวิตจะเกิดประโยชน์เสียมากกว่า
- ความโสดคนละเรื่องกับการขึ้นคาน คุณต้องแยกให้ออก
- นั่นหมายถึง คุณต้องรักและพึงพอใจในสถานะของตัวเองที่จะโสดอยู่อย่างนี้ และคุณพอใจที่จะไม่เลือกใครมาเป็นคู่ครอง
- คุณต้องรักชีวิตตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด จากนั้นความรักจึงถูกเจือจานสู่ผู้อื่น
- โสดก็คือโสด ไม่มีรูปแบบ ไม่ต้องมานั่งแยกประเภทของความโสดกันหรอก ไม่ว่าคุณจะตั้งใจโสดหรือไม่ก็ตาม
- อีกเรื่องที่ต้องแยกแยะคือ คุณไม่ได้ขี้เหนียวความรักหรือหัวใจ คนโสดไม่ได้หมายความว่าไม่มีหัวใจหรือความรัก แต่คุณไม่ต้องการมีพันธะต่างหากเล่า
- แม้จะเหงาบ้างและเหงาบ่อย แต่ความเหงาไม่ทำให้คนตายได้
- หากคุณเก็บเกี่ยวเอาความเหงามาพลิกด้านให้มันเป็นแรงบันดาลใจชั้นดี ทำให้คุณหาหนทางทำลายมันด้วยการหางานอดิเรกทำ ไม่แน่ว่าคุณอาจค้นพบวิถีชีวิตที่คุณรักก็ได้
- อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาที่คอยถามไถ่แกมจิกถึงเรื่องแฟน อธิบายพวกเขากลับไปว่าคุณมีความสุขกับชีวิตโสดมากแค่ไหน เอาให้เขาอิจฉาคุณจนจ๋อยกลับไปเลย
- คุณแค่ไม่มีแฟนแต่คุณก็ยังมีความรักในหัวใจได้เสมอ ก็รักครอบครัว รักตัวเอง รักหมา แมว รักดนตรี รักศิลปะ รักเพื่อนฝูง พี่น้องรอบข้างยังไงล่ะ
- อย่าไปเชื่อหากใครบอกว่า การมีใครสักคน สามารถเติมเต็มชีวิตของคุณได้ ความจริงข้อนี้ถูกแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ การมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตอาจดูดชีวิตของคุณให้หายไปทั้งชีวิตเลยก็ได้
จงมีความสุขกับความโสดในทุก ๆ วัน แล้วชีวิตโสดของคุณจะได้...ขำ ๆ ค่ะ ขำ ๆ !.
เขียนโดย menmen
ก็เพราะว่า...
ข้อดีของชีวิตโสดมีมากมาย
- คุณลองตรองดูดี ๆ ชีวิตนี้ใครจะสุขีได้เท่าเรา ทำงานคนเดียวใช้เงินคนเดียว เที่ยวก็ สบายใจ
- ไม่ต้องคอยโทรฯหาใคร ประหยัดค่าโทรศัพท์ไปได้โข
- ชีวิตนี้มีแต่คำว่าอิสระเสรี ในขณะที่ใครหลาย ๆ คน สะกดคำนี้ยังไม่เป็น
- คุณจะเป็นอินดี้ตัวจริงของแท้ ก็ Independent แปลว่า “อิสรภาพ”
- คุณจะเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่สุดกำลัง จะบ้าแหวกแนว หรือ’ติ๊สท์รับประทานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องแคร์ใคร
- คุณไม่ต้องเก๊กฟอร์มให้ตัวเองดูดีอยู่ได้ทุกนาที เพราะกลัวคนรักจะรับในความอุบาทว์ของตัวเราไม่ได้
- ชีวิตนี้คุณเคยมีความฝันเป็นของตัวเองบ้างไหม ถ้ามีคุณสามารถลงมือทำได้ทุกเมื่อ บางทีการมีแฟนก็หมายถึงการที่เราต้องไปแชร์ความฝันร่วมกันกับเขาหรือเธอคน นั้น โดยที่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย
- หมดเรื่องที่จะบั่นทอนกำลังใจในชีวิตไปได้อีกหนึ่งเรื่อง
- ไม่ต้องมีพันธะกับใครทั้งทางใจและกาย
- มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่ได้ดูแลตัวเอง หาความสุขให้ตัวเอง ส่วนจะเป็นวิธีไหนนั้น พบคำตอบได้ในหัวข้อต่อไป
- ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร แต่ถ้าจะเปลี่ยน เงื่อนไขคือ เพื่อตัวเราเอง!
- คุณจะเป็นที่รักของใครหลายคนพี่น้อง เพื่อนฝูง เพราะเขาจะเห็นว่าคุณคือคนที่มีเวลาให้พวกเขาได้ทุกเวลา
- จำไว้ชีวิตของคนโสด มิตรภาพ ความฝัน และตัวของฉัน จะมีความสำคัญมาเป็นอันดับที่ 1
- คุณมีเปอร์เซ็นต์เรียนรู้โลกกว้างใบนี้ได้มากกว่าคนไม่โสดถึง 90%
- บทเพลงของความเหงาก็ซึ้งได้พอ ๆ กับบทเพลงของความรักหรือเรื่องราวอกหัก รักคุด ลองหาฟังดู
โสดไลฟ์สไตล์
....นี่คือหนทางแห่งการค้นหาความสุขให้ตัวเองด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
- การไปดูหนังคนเดียวมันก็สนุกไปอีกแบบ หนำซ้ำคุณจะได้จดจ่ออยู่กับหนังจนเรียกได้ว่า นี่แหละคือการมาดูหนังอย่างแท้จริง
- โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก เกิดมาแค่ชีวิตเดียว ก็ยังเที่ยวไม่หนำใจเลย เพราะฉะนั้นออกเดินทางสู่โลกกว้างซะตั้งแต่วันที่คุณยังมีพลังดีกว่า เดี๋ยวจะไม่คุ้มค่าหากถึงเวลาที่คุณต้องจากโลกนี้ไป
- การไปไหนมาไหนคนเดียวสนุก ตื่นเต้น และน่าผจญภัยเป็นที่สุด
- ออกเที่ยวกับเพื่อนฝูงได้เสมอ สิ่งที่คุณจะได้กลับมาก็คือ คุณจะตระหนักได้ถึงคำว่ามิตรภาพมากขึ้นด้วย
- ทุ่มเทให้กับการทำงานและความฝัน
- ชีวิตมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ และไม่มีอะไรมีความสุขไปกว่าการได้ทำตามใจตัวเอง
- ทำไมต้องทำอะไรตามใครจะมีแฟนก็ต่อเมื่อมีความรัก ถ้าความรักมันไม่เกิดก็ไม่ต้องไปมีมัน ดูเป็นคนมีอุดมการณ์ออกจะตาย ไม่จำเป็นและดูไร้สาระมาก หากต้องมีแฟนเพื่อไม่ให้ตกยุค
- อยากทำอะไรที่ชีวิตไม่เคยทำบ้าง ทำเป็นลิสต์ออกมา ตั้งใจทำทีละอย่างให้ลุล่วง เต็มที่ไปเลย
- คุณคิดจะรักใครชอบใครเมื่อไหร่ก็ได้ หากเป็นแค่ความชอบโดยไม่ต้องต่อยอดไปสู่ความรัก ความรู้สึกเวลาที่ไปแอบชอบใครสักคนเนี่ย มันก็มีความสุขไปอีกแบบ หัวใจคุณจะตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ทุกครั้งที่เขาหรือเธอเดินผ่านมา แม้แค่เพียงเสียงเดินคุณก็ยังจำได้ ถ้าไม่โสดความรู้สึกแบบนี้มันไม่สนุกหรอกนะจ๊ะ
- อุทิศเวลาให้สังคมบ้างก็จะเป็นโสดเพื่อการกุศล
เงื่อนไขที่คนโสดต้องรับได้และการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
- ไม่สนุกหรอกกับการที่จะต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องความรัก เอากำลังใจที่เหลือของชีวิตไปสร้างสรรค์ด้านดี ด้านอื่น ๆ ในชีวิตจะเกิดประโยชน์เสียมากกว่า
- ความโสดคนละเรื่องกับการขึ้นคาน คุณต้องแยกให้ออก
- นั่นหมายถึง คุณต้องรักและพึงพอใจในสถานะของตัวเองที่จะโสดอยู่อย่างนี้ และคุณพอใจที่จะไม่เลือกใครมาเป็นคู่ครอง
- คุณต้องรักชีวิตตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด จากนั้นความรักจึงถูกเจือจานสู่ผู้อื่น
- โสดก็คือโสด ไม่มีรูปแบบ ไม่ต้องมานั่งแยกประเภทของความโสดกันหรอก ไม่ว่าคุณจะตั้งใจโสดหรือไม่ก็ตาม
- อีกเรื่องที่ต้องแยกแยะคือ คุณไม่ได้ขี้เหนียวความรักหรือหัวใจ คนโสดไม่ได้หมายความว่าไม่มีหัวใจหรือความรัก แต่คุณไม่ต้องการมีพันธะต่างหากเล่า
- แม้จะเหงาบ้างและเหงาบ่อย แต่ความเหงาไม่ทำให้คนตายได้
- หากคุณเก็บเกี่ยวเอาความเหงามาพลิกด้านให้มันเป็นแรงบันดาลใจชั้นดี ทำให้คุณหาหนทางทำลายมันด้วยการหางานอดิเรกทำ ไม่แน่ว่าคุณอาจค้นพบวิถีชีวิตที่คุณรักก็ได้
- อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาที่คอยถามไถ่แกมจิกถึงเรื่องแฟน อธิบายพวกเขากลับไปว่าคุณมีความสุขกับชีวิตโสดมากแค่ไหน เอาให้เขาอิจฉาคุณจนจ๋อยกลับไปเลย
- คุณแค่ไม่มีแฟนแต่คุณก็ยังมีความรักในหัวใจได้เสมอ ก็รักครอบครัว รักตัวเอง รักหมา แมว รักดนตรี รักศิลปะ รักเพื่อนฝูง พี่น้องรอบข้างยังไงล่ะ
- อย่าไปเชื่อหากใครบอกว่า การมีใครสักคน สามารถเติมเต็มชีวิตของคุณได้ ความจริงข้อนี้ถูกแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ การมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตอาจดูดชีวิตของคุณให้หายไปทั้งชีวิตเลยก็ได้
จงมีความสุขกับความโสดในทุก ๆ วัน แล้วชีวิตโสดของคุณจะได้...ขำ ๆ ค่ะ ขำ ๆ !.
เขียนโดย menmen
เหตุใด ทำไมผู้ชายบางคนถึงไม่มีแฟน
สาวๆบางคนหรือหลายๆคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมผู้ชายบางคนถึงไม่มีแฟน มีบทความดีๆนำเสนอ
สาวๆหลายคนคงเคยเกิดคำถามกับชายหนุ่มบางคนที่ทั้งหล่อ นิสัยดี
รูปร่างดีแต่ไม่มีแฟน ว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที
ทั้งที่ก็เพอร์เฟคขนาดนี้ เอ๊ะ! หรือเขาจะเป็นเกย์ รักชอบเพศเดียวกัน
บางทีอาจจะเป็นอย่างที่สาวหลายคนสงสัยก็ได้ ถ้าหากเขาเป็นชายทั้งแท่ง
ไม่ได้รักชอบหมายป่าเดียวกันมันก็ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขายังไม่
อยากมีแฟน
1. เขาอาจจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ บางคนเขาอาจจะรู้สึกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้เพียงพอแล้ว มีพ่อแม่ มีเพื่อน มีงาน มีเงิน เขาคงมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาความรักเพิ่มเติม
2. งานยุ่งไม่มีเวลา บางคนเขายังไม่อยากมีแฟน เพราะงานเขาเยอะ ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับงาน จนไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น หากมีแฟนตอนนี้ก็อาจมีปัญหาตามมาได้ เพราะตนเองก็ยังไม่พร้อมและคงไม่มีเวลาให้ด้วย
3. มีประสบการณ์ความรักที่แสนเศร้า บางคนอาจจะเคยมีความรักมาแล้ว แต่เป็นความรักที่ไม่สมหวัง จบไม่สวย ทำให้ปิดกั้นตัวเอง ไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามาอีก เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม
4. ไม่มีแฟนตามเพื่อนในกลุ่ม เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผู้ชายมักจะติดเพื่อนมากกว่าผู้หญิงดังนั้นหากเพื่อน ไม่มีแฟน เราก็ไม่ควรมีตามไปด้วย
5. กลัวมีเวลาให้เพื่อนน้อยลง คนประเภทนี้อาจจะเคยเห็นจากสื่อต่างๆ เช่นหนัง ละคร โฆษณา ที่ว่าพออยู่กับแฟนแล้วเพื่อนโทรมาชวนออกไปข้างนอก แฟนก็ไม่ยอมให้ไปแล้วโวยวาย หรือพออยู่กับเพื่อนแล้วแฟนโทรมาเพื่อนก็จะตัดพ้อต่อว่า เพราะเอาเวลาไปทุ่มให้แฟนจนหมด คนประเภทนี้เลยไม่กล้ามีแฟน
6. กลัวความรักทำให้การเรียนตก เป็นเหตุผลของเด็กเรียน ประเภทมีความสุขกับการมีเกรด 4 ประดับอยู่ในสมุดพกหรือไม่ก็ถูกครอบครัวปลูกฝังให้ตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อย มีแฟน ทำให้หนุ่มคนนั้นไม่กล้าเปิดใจรับใคร
7. กลัวเปลืองเงิน คนประเภทนี้เป็นพวกประเภทขี้งกขี้เหนียว มีความเชื่อที่ผิดๆ ประมาณว่ามีแฟนแล้วเดี๋ยวก็ต้องออกนู้นออกนี้ให้ เงินก็ยังหาเองไม่ได้ งั้นก็อย่ามีให้เป็นภาระเสียเลยจะดีกว่า
1. เขาอาจจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ บางคนเขาอาจจะรู้สึกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้เพียงพอแล้ว มีพ่อแม่ มีเพื่อน มีงาน มีเงิน เขาคงมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาความรักเพิ่มเติม
2. งานยุ่งไม่มีเวลา บางคนเขายังไม่อยากมีแฟน เพราะงานเขาเยอะ ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับงาน จนไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น หากมีแฟนตอนนี้ก็อาจมีปัญหาตามมาได้ เพราะตนเองก็ยังไม่พร้อมและคงไม่มีเวลาให้ด้วย
3. มีประสบการณ์ความรักที่แสนเศร้า บางคนอาจจะเคยมีความรักมาแล้ว แต่เป็นความรักที่ไม่สมหวัง จบไม่สวย ทำให้ปิดกั้นตัวเอง ไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามาอีก เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม
4. ไม่มีแฟนตามเพื่อนในกลุ่ม เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผู้ชายมักจะติดเพื่อนมากกว่าผู้หญิงดังนั้นหากเพื่อน ไม่มีแฟน เราก็ไม่ควรมีตามไปด้วย
5. กลัวมีเวลาให้เพื่อนน้อยลง คนประเภทนี้อาจจะเคยเห็นจากสื่อต่างๆ เช่นหนัง ละคร โฆษณา ที่ว่าพออยู่กับแฟนแล้วเพื่อนโทรมาชวนออกไปข้างนอก แฟนก็ไม่ยอมให้ไปแล้วโวยวาย หรือพออยู่กับเพื่อนแล้วแฟนโทรมาเพื่อนก็จะตัดพ้อต่อว่า เพราะเอาเวลาไปทุ่มให้แฟนจนหมด คนประเภทนี้เลยไม่กล้ามีแฟน
6. กลัวความรักทำให้การเรียนตก เป็นเหตุผลของเด็กเรียน ประเภทมีความสุขกับการมีเกรด 4 ประดับอยู่ในสมุดพกหรือไม่ก็ถูกครอบครัวปลูกฝังให้ตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อย มีแฟน ทำให้หนุ่มคนนั้นไม่กล้าเปิดใจรับใคร
7. กลัวเปลืองเงิน คนประเภทนี้เป็นพวกประเภทขี้งกขี้เหนียว มีความเชื่อที่ผิดๆ ประมาณว่ามีแฟนแล้วเดี๋ยวก็ต้องออกนู้นออกนี้ให้ เงินก็ยังหาเองไม่ได้ งั้นก็อย่ามีให้เป็นภาระเสียเลยจะดีกว่า
เรียบเรียงข้อมูลโดย menmen
มารยาทที่สำคัญทางทหาร - มารยาทในการปฏิบัติงาน / มารยาทในที่ทำงานของทหาร
มารยาทในการปฏิบัติงาน / มารยาทในที่ทำงานของทหาร
1. ควรเรียกกันตามชั้นยศเสมอเพื่อป้องกันไม่มีมารยาทอันดีกับผู้ที่มีอายุมากกว่า
2. การ ขอเข้ามาติดต่อราชการจากบุคคลภายนอก การปฏิบัติควรมีความละเอียดอ่อน มีขั้นตอนเพื่อป้องกันเหตุร้าย การปฏิบัติที่จะทำให้เสื่อมเกียรติ หรือทำให้ผู้ที่ต้องการเข้าพบมีเวลาเตรียมตัวก่อนโดยควรปฏิบัติดังนี้
3. กรณี ขอเข้าหารือข้อราชการ / ขอเข้าพบกับผู้บังคับหน่วยให้สอบถามความประสงค์ในชั้นต้น (ให้ได้ความว่าเป็นใคร มาจากไหนและวัตถุประสงค์ที่ต้องการ) หลังจากทราบข้อมูลในชั้นต้นแล้วแจ้งให้กรุณารออยู่สักครู่ ลำดับต่อไปให้ไปแจ้ง ฝสธ. เพื่อรับทราบเพื่อพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเรียนให้ ผบ.หน่วยตกลงใจการปฏิบัติต่อไป และท้ายสุดเมื่อได้รับการปฏิบัติที่แน่นอนแล้ว จึงมาแจ้งให้กับผู้ที่ขอเข้าพบรับทราบ และนำเข้ารอที่ห้องรับรองเพื่อให้ ฝสธ. หรือนายทหารคนสนิทนำเข้าพบต่อไป
4. กรณีขอประสานข้อราชการ กับข้าราชการภายในหน่วย ให้สอบถามความประสงค์ในชั้นต้น โทรแจ้งผู้ที่ถูกเข้าพบทราบ เมื่อได้รับการปฏิบัติที่แน่นอน จากนั้นจึงแจ้งให้กับผู้ที่ขอเข้าพบทราบข้อมูล และให้เสมียนเวรนำไปพบต่อไป (หากมีห้องรับรองเป็นการเฉพาะให้เสมียนเวรนำไปพักคอย รอจนกว่าผู้ที่ต้องการเข้าพบมาพบ) จึงเสร็จหน้าที่ และไม่สมควรถือวิสาสะนำเข้าพบโดยตรงแต่ควรแจ้งให้กับนายทหารธุรการ หรือ ผช. ของแต่ละกอง หรือ รอง ผอ.กอง ให้รับทราบในชั้นต้นก่อนนำเข้าพบด้วย
5. กรณี ติดต่อธุระส่วนตัวกับข้าราชการภายในหน่วยงาน การปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีขอประสานข้อราชการกับข้าราชการภายในหน่วย แต่ต้องได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนจากผู้ที่ถูกเข้าพบก่อน
6. ควรเรียกกันตามชั้นยศเสมอ (ป้องกันอาวุโสทางอายุ และการที่จะมียศสูงกว่าในอนาคต เพื่อการบริหารงานตามสายการบังคับบัญชาในโอกาสหน้า)
7. การใส่เสื้อคลุมไม่ได้แสดงว่าท่านไม่มียศ หรือยกเว้นการแสดงความเคารพ
8. ไม่ควรแสดงความเคารพไปพร้อมกับการพูดคุยโทรศัพท์ทุกประเภทไปด้วย
9. ไม่ควรพูดข้ามศีรษะผู้ที่มียศสูงกว่าถือว่าไม่สุภาพ
10. ช่องทางเดิน / ในลิฟต์ควรหยุดพูดชั่วขณะในขณะที่มีผู้ที่มียศสูงกว่าเดินผ่านหรืออยู่ในลิฟต์ด้วย
11. ควรแต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบที่ทางราชการกำหนด เช่น ชุดกีฬาต้องสวมรองเท้าผ้าใบ และต้องสวมถุงเท้าเสมอ
12. ไม่ควรปล่อยทรงผมในกรม(เว้นขณะเล่นกีฬา)
13. แสดงการเคารพทุกครั้งเมื่อมีโอกาสโดยไม่แบ่งชาย-หญิง หรือบุคคลภายนอกหน่วย
14. ไม่ควรใส่ชุดอื่นใดนอกเหนือจากที่ทางราชการกำหนดในขณะปฏิบัติงาน เช่น ชุดครึ่งท่อน หรือชุดวอร์มหลากสี
15. ไม่ควรพูดคุยเสียงดังในขณะเวลาปฏิบัติงาน ควรเกรงใจบุคคลใกล้เคียง
16. ผู้น้อย ต้องแสดงความเคารพผู้ใหญ่ด้วยทุกครั้ง (ต่างกองที่มียศ หรืออาวุโสสูงกว่า) หากในช่วงเช้าไม่พบเจอ ในช่วงบ่ายหรือพบกันครั้งแรกก็ต้องแสดงความเคารพด้วย มิใช่สาย หรือบ่ายแล้วไม่ต้องแสดงความเคารพกันอีก
17. ต้องติดบัตรแสดงตนตลอดเวลา และทุกชุดในเวลาปฏิบัติงาน
18. กิริยาดื้อดัน ไม่ฟังคำสั่ง แสดงการเถียงต่าง ๆ ทหารไม่ควรประพฤติเลยเพราะจะทำให้เสียแก่วินัย
19. ต้อง ระวังความสะอาดเรียบร้อยในที่อยู่ และที่ทำงานของตนให้มาก ๆ เพราะที่อยู่ของตนนั่นหรือที่ทำงาน จะเป็นเครื่องแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนมีนิสัยอย่างไร ทั้งถ้าที่อยู่โสโครกแล้วก็อาจบังเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อย่างร้ายแรงได้
20. คน ไทยย่อมถือกันว่าศีรษะเป็นของสูงเสมอ ฉะนั้นต้องระวังอย่าใช้กิริยาข้ามกราย และเวลาพูดอย่าใช้มือชี้ข้ามหน้าตา และศีรษะของผู้อื่น ถ้าจะหยิบของซึ่งอยู่ในที่สูง หรือเดินเฉียดใกล้บุคคลต้องออกวาจา และแสดงกิริยาเอางามเป็นการขอโทษ
21. ทหารทุกระดับและชั้นยศ ควรต้องมีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
22. เมื่อทหารเห็นทหารผู้ใดทำราชการอย่างใดอยู่ และเหลือกำลังของผู้นั้นจักทำให้สำเร็จโดยเร็วได้ และการที่ทำอยู่นั้นเมื่อตนเข้าช่วยด้วยก็จะเป็นประโยชน์ และรวดเร็วขึ้น ก็ให้เข้าช่วยที่ทำการนั้น ๆ โดยเร็วที่สุดเสมอ เพื่อประโยชน์ในทางราชการ และบำรุงความสามัคคีซึ่งกันและกันอีกด้วย
23. ทหารไปในที่ใด ๆ ก็ดี ต้องระวังในเรื่องแสดงความเคารพอยู่เสมอ และต้องแสดงความเคารพโดยใช้กิริยานอบน้อม (ตามแบบทหาร) ไม่ใช่ทำโดยเสียไม่ได้ หรือต้องบังคับให้ทำ และจะเหม่อเสียโดยมิได้เป็นอันขาด เพราะทหารได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีหูไวตาไว ในทุกรณีเสมอ
24. การมาทันเวลาราชการ หรือมาปฏิบัติงานสายนั้น นับว่าเป็นข้อสำคัญสำหรับราชการทหารมาก โดยที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้น้อยต้องมาก่อนผู้บังคับบัญชา หรือผู้ใหญ่เสมอ หรือผู้บังคับบัญชาก็ไม่ควรให้ผู้น้อยหรือผู้ใต้ บังคับบัญชามาคอยตนอยู่นาน ต้องระวังและทำเป็นตัวอย่างอันดีอยู่เสมอ ซึ่งถ้าตนมาช้าสัก ๒-๓ ครั้ง ต่อไปผู้อื่นก็จะมาช้าอย่างที่ตนทำแบบนั้นทีเดียวก็จะว่ากล่าวตักเตือนกัน ไม่ได้ ต้องหันมาพิจารณาดูด้วยว่า ทำไมผู้ใต้บังคับบัญชาที่มียศน้อยกว่า เงินเดือนน้อยกว่ามีภาระส่วนตนมากกว่า ถึงสามารถมาปฏิบัติงานก่อนตนได้ ก็จะเป็นแนวทางให้ท่านต้องปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดียิ่งขึ้น
25. ต้องระวังแยกเวลาในราชการ และนอกเวลาราชการให้ถูกต้อง ไม่ควรเบียดบังเวลาราชการทำธุระส่วนตัวบ่อยนัก จะเป็นการเอาเปรียบผู้ร่วมงาน และราชการ
26. เวลาเป็นสิ่งมีค่า อย่านำเวลาไปใช้สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับหน่วยงาน และชาติบ้านเมือง หรืออย่าปล่อยให้เวลาว่างที่เหลืออยู่หมดไปเสียเปล่า ๆ กับการพุดคุยจับกลุ่มนินทา รับประทานทานของคบเคี้ยว หรือโทรศัพท์นาน แต่ควรอ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์เสมอ
27. อย่าทำการงานให้ช้าจนเกินเวลาที่ควรเป็นอันขาด จะทำให้งานของราชการเสียหาย
28. ของที่ยืมมาจากผู้อื่นเมื่อได้ใช้แล้วต้องส่งคืนเจ้าของ หรือหน่วยงานโดยเร็ว
29. การหมุนโทรศัพท์ไปถึงผู้อื่นควรบอก ยศ, ชื่อ และสถานที่ทำงานก่อน แล้วจึงพูดในเรื่องที่ต้องการ
30. การรับสายโทรศัพท์ควรบอกสถานที่ทำงาน, ยศ และชื่อ ของผู้รับสายก่อน
31. หากผู้ที่ต้องการพูดไม่อยู่ในขณะนั้น ผู้รับสายควรจด ยศ, ชื่อ, ที่ทำงาน และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อมอบให้ผู้มีธุระ
32. ผู้ที่ต้องการพูดด้วยไม่อยู่ ก็ควรขอให้ผู้ที่รับสายจด ยศ, ชื่อ, ที่ทำงาน และหมายเลขที่โทรกลับ
33. ควรช่วยเหลือผู้ที่ติดต่อมาผิดหมายเลข ให้ค้นหาหมายเลขที่ถูกต้อง และไม่ควรปล่อยให้ผู้โทรมาคอยนาน พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลสุภาพ ชัดเจน เช่น “สวัสดีครับ ที่นี่ กอง.....วท.กห. ผม ยศ ชื่อ รับสาย จะเรียนสายกับใครครับ กรุณาถือสายรอสักครู่ครับ มีข้อความจะฝากไว้ หรือไม่ครับ สวัสดีครับ(ไม่ควรใช่คำว่า "สักครู่" ห้วน ๆ โดยไม่มีหางเสียง)
34. การนำชิ้นส่วนของเครื่องแบบไปประกอบการแต่งกายพลเรือน ให้ห้ามโดยเด็ดขาด เพราะมิฉะนั้นผู้ที่มิได้เป็นทหารอาจนำไปทำเรื่องไม่ดีแก่ทหาร
35. ไม่ควรถามผู้บังคับบัญชาอย่างไม่เหมาะสมก่อนในขณะที่ถูกซักถาม ควรให้ผู้บังคับบัญชาพูด ความประสงค์ให้จบก่อน เช่นใช้คำพูด “ว่า” หรือใช้คำสมัยใหม่ตามสมัยนิยมสวนกลับก่อนคำถามจะจบ
36. หากสวมใส่ชุดกีฬาก็สามารถแสดงความเคารพได้ และสมควรนำชายเสื้อสวมใส่ในกางเกงเล่นกีฬาให้เรียบร้อย
37. การรายงานหรือแจ้งเหตุใด ๆ ให้เป็นไปตามสายการบังคับบัญชาไม่ควรข้ามขั้นตอน ไม่เช่นนั้นจะถือได้ว่ามิได้ให้เกียรติกัน
38. ไม่ควรพักผ่อนในบริเวณกรมที่สามารถมองเห็นได้ง่าย เพราะบุคคลภายนอก หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นเข้าจะไม่น่านิยม หรือยกย่อง
39. ห้าม ใส่รองเท้าแตะขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการแต่อนุโลมให้ใส่ได้เฉพาะที่โต๊ะของ ตนเองเท่านั้นห้ามใส่ออกมานอกโต๊ะโดยเด็ดขาด แม้แต่ภายในแผนกงาน หรือกองงานของตนเอง เนื่องจากเป็นการไม่เรียบร้อยเหมาะสม ไม่เคารพต่อ สถานที่ราชการเป็นภาพที่ไม่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา และบุคคลภายภายนอกที่มาติดต่อราชการได้ (หากทำได้จึงไม่ควรสวมใส่จะดีกว่า เพราะอาจเผลอสวมใส่ออกมาภายนอกโต๊ะตนเองได้)
40. ในวันเวลา ราชการปกติ สมควรกำกับดูแลบุตรหลานไม่ให้เล่น หรือวิ่งเล่นส่งเสียงดังในเขตบริเวณกรม เพราะจะสร้างความรำคาญกับบุคคลอื่นที่ปฏิบัติงาน และอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้ ที่สำคัญเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความรับผิดชอบ และการขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี
41. ควรแนะนำให้บุตรหลาน หรือสามีภรรยา ให้รู้จักมารยาทในการเคารพผู้ที่มีอาวุโสสูงกว่า เช่น พี่ ป้า น้า อา ลุงที่ทำงานในกรมด้วย เมื่อจำเป็นต้องเข้ามาในกรม เพราะจะเป็นสิ่งที่แสดงการอบรมสั่งสอนของตน และยังเป็นสร้างความเอ็นดู และความมีเสน่ห์ให้กับตนเองอีกด้วย
42. เมื่อจำเป็นต้องเข้ามาใน กรม ในเวลาราชการโดยที่ตนมิได้ปฏิบัติงานตามปกติ สมควรต้องแต่งกายให้สุภาพสวม ใส่รองเท้าให้เหมาะสม (เว้นรองเท้าแตะ) เพราะเป็นมารยาทที่ต้องให้เกรียติกับสถานที่ราชการในทุกแห่ง
ที่มา: มารยาททางทหาร
1. ควรเรียกกันตามชั้นยศเสมอเพื่อป้องกันไม่มีมารยาทอันดีกับผู้ที่มีอายุมากกว่า
2. การ ขอเข้ามาติดต่อราชการจากบุคคลภายนอก การปฏิบัติควรมีความละเอียดอ่อน มีขั้นตอนเพื่อป้องกันเหตุร้าย การปฏิบัติที่จะทำให้เสื่อมเกียรติ หรือทำให้ผู้ที่ต้องการเข้าพบมีเวลาเตรียมตัวก่อนโดยควรปฏิบัติดังนี้
3. กรณี ขอเข้าหารือข้อราชการ / ขอเข้าพบกับผู้บังคับหน่วยให้สอบถามความประสงค์ในชั้นต้น (ให้ได้ความว่าเป็นใคร มาจากไหนและวัตถุประสงค์ที่ต้องการ) หลังจากทราบข้อมูลในชั้นต้นแล้วแจ้งให้กรุณารออยู่สักครู่ ลำดับต่อไปให้ไปแจ้ง ฝสธ. เพื่อรับทราบเพื่อพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเรียนให้ ผบ.หน่วยตกลงใจการปฏิบัติต่อไป และท้ายสุดเมื่อได้รับการปฏิบัติที่แน่นอนแล้ว จึงมาแจ้งให้กับผู้ที่ขอเข้าพบรับทราบ และนำเข้ารอที่ห้องรับรองเพื่อให้ ฝสธ. หรือนายทหารคนสนิทนำเข้าพบต่อไป
4. กรณีขอประสานข้อราชการ กับข้าราชการภายในหน่วย ให้สอบถามความประสงค์ในชั้นต้น โทรแจ้งผู้ที่ถูกเข้าพบทราบ เมื่อได้รับการปฏิบัติที่แน่นอน จากนั้นจึงแจ้งให้กับผู้ที่ขอเข้าพบทราบข้อมูล และให้เสมียนเวรนำไปพบต่อไป (หากมีห้องรับรองเป็นการเฉพาะให้เสมียนเวรนำไปพักคอย รอจนกว่าผู้ที่ต้องการเข้าพบมาพบ) จึงเสร็จหน้าที่ และไม่สมควรถือวิสาสะนำเข้าพบโดยตรงแต่ควรแจ้งให้กับนายทหารธุรการ หรือ ผช. ของแต่ละกอง หรือ รอง ผอ.กอง ให้รับทราบในชั้นต้นก่อนนำเข้าพบด้วย
5. กรณี ติดต่อธุระส่วนตัวกับข้าราชการภายในหน่วยงาน การปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีขอประสานข้อราชการกับข้าราชการภายในหน่วย แต่ต้องได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนจากผู้ที่ถูกเข้าพบก่อน
6. ควรเรียกกันตามชั้นยศเสมอ (ป้องกันอาวุโสทางอายุ และการที่จะมียศสูงกว่าในอนาคต เพื่อการบริหารงานตามสายการบังคับบัญชาในโอกาสหน้า)
7. การใส่เสื้อคลุมไม่ได้แสดงว่าท่านไม่มียศ หรือยกเว้นการแสดงความเคารพ
8. ไม่ควรแสดงความเคารพไปพร้อมกับการพูดคุยโทรศัพท์ทุกประเภทไปด้วย
9. ไม่ควรพูดข้ามศีรษะผู้ที่มียศสูงกว่าถือว่าไม่สุภาพ
10. ช่องทางเดิน / ในลิฟต์ควรหยุดพูดชั่วขณะในขณะที่มีผู้ที่มียศสูงกว่าเดินผ่านหรืออยู่ในลิฟต์ด้วย
11. ควรแต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบที่ทางราชการกำหนด เช่น ชุดกีฬาต้องสวมรองเท้าผ้าใบ และต้องสวมถุงเท้าเสมอ
12. ไม่ควรปล่อยทรงผมในกรม(เว้นขณะเล่นกีฬา)
13. แสดงการเคารพทุกครั้งเมื่อมีโอกาสโดยไม่แบ่งชาย-หญิง หรือบุคคลภายนอกหน่วย
14. ไม่ควรใส่ชุดอื่นใดนอกเหนือจากที่ทางราชการกำหนดในขณะปฏิบัติงาน เช่น ชุดครึ่งท่อน หรือชุดวอร์มหลากสี
15. ไม่ควรพูดคุยเสียงดังในขณะเวลาปฏิบัติงาน ควรเกรงใจบุคคลใกล้เคียง
16. ผู้น้อย ต้องแสดงความเคารพผู้ใหญ่ด้วยทุกครั้ง (ต่างกองที่มียศ หรืออาวุโสสูงกว่า) หากในช่วงเช้าไม่พบเจอ ในช่วงบ่ายหรือพบกันครั้งแรกก็ต้องแสดงความเคารพด้วย มิใช่สาย หรือบ่ายแล้วไม่ต้องแสดงความเคารพกันอีก
17. ต้องติดบัตรแสดงตนตลอดเวลา และทุกชุดในเวลาปฏิบัติงาน
18. กิริยาดื้อดัน ไม่ฟังคำสั่ง แสดงการเถียงต่าง ๆ ทหารไม่ควรประพฤติเลยเพราะจะทำให้เสียแก่วินัย
19. ต้อง ระวังความสะอาดเรียบร้อยในที่อยู่ และที่ทำงานของตนให้มาก ๆ เพราะที่อยู่ของตนนั่นหรือที่ทำงาน จะเป็นเครื่องแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนมีนิสัยอย่างไร ทั้งถ้าที่อยู่โสโครกแล้วก็อาจบังเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อย่างร้ายแรงได้
20. คน ไทยย่อมถือกันว่าศีรษะเป็นของสูงเสมอ ฉะนั้นต้องระวังอย่าใช้กิริยาข้ามกราย และเวลาพูดอย่าใช้มือชี้ข้ามหน้าตา และศีรษะของผู้อื่น ถ้าจะหยิบของซึ่งอยู่ในที่สูง หรือเดินเฉียดใกล้บุคคลต้องออกวาจา และแสดงกิริยาเอางามเป็นการขอโทษ
21. ทหารทุกระดับและชั้นยศ ควรต้องมีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
22. เมื่อทหารเห็นทหารผู้ใดทำราชการอย่างใดอยู่ และเหลือกำลังของผู้นั้นจักทำให้สำเร็จโดยเร็วได้ และการที่ทำอยู่นั้นเมื่อตนเข้าช่วยด้วยก็จะเป็นประโยชน์ และรวดเร็วขึ้น ก็ให้เข้าช่วยที่ทำการนั้น ๆ โดยเร็วที่สุดเสมอ เพื่อประโยชน์ในทางราชการ และบำรุงความสามัคคีซึ่งกันและกันอีกด้วย
23. ทหารไปในที่ใด ๆ ก็ดี ต้องระวังในเรื่องแสดงความเคารพอยู่เสมอ และต้องแสดงความเคารพโดยใช้กิริยานอบน้อม (ตามแบบทหาร) ไม่ใช่ทำโดยเสียไม่ได้ หรือต้องบังคับให้ทำ และจะเหม่อเสียโดยมิได้เป็นอันขาด เพราะทหารได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีหูไวตาไว ในทุกรณีเสมอ
24. การมาทันเวลาราชการ หรือมาปฏิบัติงานสายนั้น นับว่าเป็นข้อสำคัญสำหรับราชการทหารมาก โดยที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้น้อยต้องมาก่อนผู้บังคับบัญชา หรือผู้ใหญ่เสมอ หรือผู้บังคับบัญชาก็ไม่ควรให้ผู้น้อยหรือผู้ใต้ บังคับบัญชามาคอยตนอยู่นาน ต้องระวังและทำเป็นตัวอย่างอันดีอยู่เสมอ ซึ่งถ้าตนมาช้าสัก ๒-๓ ครั้ง ต่อไปผู้อื่นก็จะมาช้าอย่างที่ตนทำแบบนั้นทีเดียวก็จะว่ากล่าวตักเตือนกัน ไม่ได้ ต้องหันมาพิจารณาดูด้วยว่า ทำไมผู้ใต้บังคับบัญชาที่มียศน้อยกว่า เงินเดือนน้อยกว่ามีภาระส่วนตนมากกว่า ถึงสามารถมาปฏิบัติงานก่อนตนได้ ก็จะเป็นแนวทางให้ท่านต้องปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดียิ่งขึ้น
25. ต้องระวังแยกเวลาในราชการ และนอกเวลาราชการให้ถูกต้อง ไม่ควรเบียดบังเวลาราชการทำธุระส่วนตัวบ่อยนัก จะเป็นการเอาเปรียบผู้ร่วมงาน และราชการ
26. เวลาเป็นสิ่งมีค่า อย่านำเวลาไปใช้สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับหน่วยงาน และชาติบ้านเมือง หรืออย่าปล่อยให้เวลาว่างที่เหลืออยู่หมดไปเสียเปล่า ๆ กับการพุดคุยจับกลุ่มนินทา รับประทานทานของคบเคี้ยว หรือโทรศัพท์นาน แต่ควรอ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์เสมอ
27. อย่าทำการงานให้ช้าจนเกินเวลาที่ควรเป็นอันขาด จะทำให้งานของราชการเสียหาย
28. ของที่ยืมมาจากผู้อื่นเมื่อได้ใช้แล้วต้องส่งคืนเจ้าของ หรือหน่วยงานโดยเร็ว
29. การหมุนโทรศัพท์ไปถึงผู้อื่นควรบอก ยศ, ชื่อ และสถานที่ทำงานก่อน แล้วจึงพูดในเรื่องที่ต้องการ
30. การรับสายโทรศัพท์ควรบอกสถานที่ทำงาน, ยศ และชื่อ ของผู้รับสายก่อน
31. หากผู้ที่ต้องการพูดไม่อยู่ในขณะนั้น ผู้รับสายควรจด ยศ, ชื่อ, ที่ทำงาน และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อมอบให้ผู้มีธุระ
32. ผู้ที่ต้องการพูดด้วยไม่อยู่ ก็ควรขอให้ผู้ที่รับสายจด ยศ, ชื่อ, ที่ทำงาน และหมายเลขที่โทรกลับ
33. ควรช่วยเหลือผู้ที่ติดต่อมาผิดหมายเลข ให้ค้นหาหมายเลขที่ถูกต้อง และไม่ควรปล่อยให้ผู้โทรมาคอยนาน พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลสุภาพ ชัดเจน เช่น “สวัสดีครับ ที่นี่ กอง.....วท.กห. ผม ยศ ชื่อ รับสาย จะเรียนสายกับใครครับ กรุณาถือสายรอสักครู่ครับ มีข้อความจะฝากไว้ หรือไม่ครับ สวัสดีครับ(ไม่ควรใช่คำว่า "สักครู่" ห้วน ๆ โดยไม่มีหางเสียง)
34. การนำชิ้นส่วนของเครื่องแบบไปประกอบการแต่งกายพลเรือน ให้ห้ามโดยเด็ดขาด เพราะมิฉะนั้นผู้ที่มิได้เป็นทหารอาจนำไปทำเรื่องไม่ดีแก่ทหาร
35. ไม่ควรถามผู้บังคับบัญชาอย่างไม่เหมาะสมก่อนในขณะที่ถูกซักถาม ควรให้ผู้บังคับบัญชาพูด ความประสงค์ให้จบก่อน เช่นใช้คำพูด “ว่า” หรือใช้คำสมัยใหม่ตามสมัยนิยมสวนกลับก่อนคำถามจะจบ
36. หากสวมใส่ชุดกีฬาก็สามารถแสดงความเคารพได้ และสมควรนำชายเสื้อสวมใส่ในกางเกงเล่นกีฬาให้เรียบร้อย
37. การรายงานหรือแจ้งเหตุใด ๆ ให้เป็นไปตามสายการบังคับบัญชาไม่ควรข้ามขั้นตอน ไม่เช่นนั้นจะถือได้ว่ามิได้ให้เกียรติกัน
38. ไม่ควรพักผ่อนในบริเวณกรมที่สามารถมองเห็นได้ง่าย เพราะบุคคลภายนอก หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นเข้าจะไม่น่านิยม หรือยกย่อง
39. ห้าม ใส่รองเท้าแตะขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการแต่อนุโลมให้ใส่ได้เฉพาะที่โต๊ะของ ตนเองเท่านั้นห้ามใส่ออกมานอกโต๊ะโดยเด็ดขาด แม้แต่ภายในแผนกงาน หรือกองงานของตนเอง เนื่องจากเป็นการไม่เรียบร้อยเหมาะสม ไม่เคารพต่อ สถานที่ราชการเป็นภาพที่ไม่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา และบุคคลภายภายนอกที่มาติดต่อราชการได้ (หากทำได้จึงไม่ควรสวมใส่จะดีกว่า เพราะอาจเผลอสวมใส่ออกมาภายนอกโต๊ะตนเองได้)
40. ในวันเวลา ราชการปกติ สมควรกำกับดูแลบุตรหลานไม่ให้เล่น หรือวิ่งเล่นส่งเสียงดังในเขตบริเวณกรม เพราะจะสร้างความรำคาญกับบุคคลอื่นที่ปฏิบัติงาน และอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้ ที่สำคัญเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความรับผิดชอบ และการขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี
41. ควรแนะนำให้บุตรหลาน หรือสามีภรรยา ให้รู้จักมารยาทในการเคารพผู้ที่มีอาวุโสสูงกว่า เช่น พี่ ป้า น้า อา ลุงที่ทำงานในกรมด้วย เมื่อจำเป็นต้องเข้ามาในกรม เพราะจะเป็นสิ่งที่แสดงการอบรมสั่งสอนของตน และยังเป็นสร้างความเอ็นดู และความมีเสน่ห์ให้กับตนเองอีกด้วย
42. เมื่อจำเป็นต้องเข้ามาใน กรม ในเวลาราชการโดยที่ตนมิได้ปฏิบัติงานตามปกติ สมควรต้องแต่งกายให้สุภาพสวม ใส่รองเท้าให้เหมาะสม (เว้นรองเท้าแตะ) เพราะเป็นมารยาทที่ต้องให้เกรียติกับสถานที่ราชการในทุกแห่ง
ที่มา: มารยาททางทหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)