ผมพบบทความนี้โดยบังเอิญและคิดว่าคนในวัยทำงานทุกคนน่าจะได้ประสบกับสถานการณ์ที่เรียกว่า พบรักในที่ทำงาน ดังนั้นผมจึงนำบทความนี้จาก น้อง CUPID มาลงใน Blog ของผม เพื่ออ่านกันแบบสนุกๆ
-----------------
พบรักในที่ทำงาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า หลายๆชั่วโมงในหนึ่งวันเราก็อยู่แต่ที่ทำงาน ดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นแฟนกันในที่ทำงาน อ๊ะอ๊ะแต่ก่อนจะจีบใครในที่ทำงาน เราควรทราบลักษณะเฉพาะของที่ทำงานกันก่อน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆค่ะ ลักษณะเฉพาะที่ว่านี้และข้อแนะนำก็คือ
1. ข่าวคราวจะแพร่เร็วมาก โดยเฉพาะข่าวไม่ดีในทุกสังคมจะแพร่เร็วเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าไม่อยากตกเป็นข่าว(เม๊าส์)ก็ควรทำตัวเงียบๆเข้าไว้ค่ะ อย่าจู๋จี๋กันมากเกินไป จนคนหมั่นไส้ หรือเจ้านายต้องเรียกเตือนให้มาทำงาน ม่ายอาว ม่ายอาว
2. ไม่รู้เป็นอะไร พวกนี้จะมีโสดไม่จริงแฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน(ใครรู้ช่วยบอกด้วยจ้า) ดังนั้นจะรักใครชอบใครควรสืบประวัติดีๆก่อนนะคะ ผู้หญิงบางคนแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล หรือผู้ชายบางคนแต่งงานแล้ว แต่เป็นประเภทโสดเฉพาะนอกบ้านก็เยอะค่ะ ดังนั้นควรลองถามประวัติกับเพื่อนร่วมงานเค้า หรือหัวหน้า หรือลูกน้องเขาก่อนจะดีที่สุดค่ะ
3. การทำงานด้วยกัน มันต้องมีปัญหาเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาหรือการควบคุมอารมณ์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราควรใช้ความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานให้เป็นประโยชน์ โดยการ(แอบ)ถามเพื่อนร่วมงานเค้า ว่าเค้าทำงานเป็นยังไงบ้าง ขี้โมโหมั๊ย มีความรับผิดชอบเรื่องงานมั๊ย ทำงานเครียดหรือไม่ งกกับลูกน้องบ้างเปล่า หรือชอบดุด่าว่ากล่าวโดยไม่มีเหตุผล คำถามพวกนี้ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ เพราะมันคือชีวิตประจำวันเค้าเวลาเจอปัญหาหรือการอยู่ต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นถ้าเราฟังคำตอบแล้วรับไม่ได้ ก็อย่าไปจีบหรือไปชอบเค้าตั้งแต่ต้นจะดีกว่าค่ะ คนเราดูภายนอกอย่างเดียวมันไม่พอ
4. หนีไม่พ้นต้องเจอกันบ่อย หรือทุกวัน ดังนั้นการคบกัน คงมีบ้างที่มีปัญหากัน จึงให้ระลึกไว้เสมอว่า จงอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ไม่ใช่ว่าเวลาทะเลาะกันก็บอกว่า ถ้าให้หนูทำงานกับเค้า หนูไม่ทำ ถ้าเป็นอย่างนี้อาจจะเสียทั้งแฟนเสียทั้งงานได้โดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ
5. มีตัวเชื่อมให้คุยกันมากมาย ทำให้เนื้อหาในการสนทนาไม่น่าเบื่อหน่าย เช่นคุยกันเรื่องปัญหาการทำงาน ปัญหากับเจ้านาย กับลูกน้อง เป็นต้น
6. ใครๆก็รู้จักเราสองคน ดังนั้นควรทำตัวให้ดี จีบกันอย่างสร้างสรรค์ และอย่าทะเลาะกันจนคนอื่นเค้าเอาไปนินทา รักษาภาพพจน์ในที่ทำงานด้วยจ้ะ แล้วก็อย่าให้ตนเองกลายเป็นคนดังในเรื่องความเจ้าชู้จีบไม่เลือก หรือเป็นแฟนกับใครก็คบไม่นานเลิกทุกราย อย่างนี้ใครจะกล้าเข้ามาใหม่ล่ะคะ หรือถ้าต้องเลิกกันก็อย่าไปเที่ยวเล่าความไม่ดีของเค้าให้คนอื่นฟังค่ะ มันไม่ดีเลย
7. ต้องยอมรับสภาพว่า ถ้าจีบไม่ติด หรือเป็นแฟนกันแล้วต้องเลิกกัน ยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันกับเค้าให้ได้ค่ะ ต้องมี spirit ในการทำงาน ดังนั้นถ้าจีบควรจีบแบบเนียนๆ อย่าให้ใครรู้จะดีที่สุด หรือถ้ารู้ ก็อย่ารู้วงกว้างมากไป เดี๋ยวเลิกกันจะลำบากตอบคำถาม
ที่มา: น้อง CUPID
Saturday, March 12, 2011
Thursday, March 10, 2011
Aerosmith
ข้อมูลพื้นฐาน
แหล่งกำเนิด บอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตต์ สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง ฮาร์ดร็อก, เฮฟวีเมทัล, บลูส์-ร็อก
ปี 1970-ปัจจุบัน
ค่าย Columbia, Geffen
สมาชิก
สตีฟ ไทเลอร์
ชื่อเต็ม : สตีฟ วิคเตอร์ ทอลไลริโค
วันเกิด : 26 มีนาคม 1948
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : ฮาร์โมนิก้า แมนโดนลิน เปียโนและขลุ่ย
โจ เพอร์รี่
ชื่อเต็ม : แอนโธนี โจเซฟ เพอร์รี่
วันเกิด : 10 กันยายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์
แบรด วิทฟอร์ด
ชื่อเต็ม : แบรด เออร์เนสต์ วิทฟอร์ด
วันเกิด : 23 กุมภาพันธ์ 1952
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์
ทอม แฮมิลตัน
ชื่อเต็ม : โธมัส วิลเลี่ยม แฮมิลตัน
วันเกิด : 31 ธันวาคม 1951
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : เบสกีตาร์
โจ เครเมอร์
ชื่อเต็ม : โจเซฟ ไมเคิล เครเมอร์
วันเกิด : 21 มิถุนายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กลองและเพอร์คัชชั่น
Aerosmith เป็นวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด วงหนึ่งในยุค 70 พวกเขาเป็นวงฮาร์ดร็อค ที่มีพื้นฐานดนตรี แบบบลูส์ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวงโรลลิ่ง สโตนส์ และเล็ด เซ็พพลิน สตีเว่น ไทเลอร์ นักร้องนำและ โจ เพอร์รี่ มือกีต้าร์ ร่วมกันก่อตั้งวงขึ้นในปีค.ศ. 1970 ในช่วงสิ้นปีนั้น ทอม แฮมิลตัน มือเบส, แบรด วิทฟอร์ดมือริธึ่มกีต้าร์ และโจอี้ เครเมอร์ มือกลอง ก็เข้ามาสมทบ โดยโจอี้ เครเมอร์ เป็นผู้ตั้งชื่อ Aerosmith เป็นชื่อวงดนตรี
วงดนตรีจากบอสตันวงนี้ เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง โคลัมเบีย เร็คคอร์ดส ในปี 1972 และ1 ปีให้หลังก็ออกผลงานชิ้นแรกในนามAerosmith อัลบั้มดังกล่าว มีเพลงเด่นเป็นเพลงช้าที่ทรงพลังอย่าง Dream On ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 59 ในอันดับเพลงป๊อป ของนิตยสารบิลบอร์ด อัลบั้มชุดต่อมาคือ Get Your Wings ออกขายในปี 1974 และติดอันดับ อัลบั้มของบิลบอร์ด อยู่นานถึง 86 สัปดาห์ อัลบั้ม Toys In The Attic ในปีค.ศ. 1975 เป็นอัลบั้มสร้างชื่อของAerosmith ด้วยความแรงของ สองซิงเกิ้ลเอกของอัลบั้มคือ Walk This Way กับ Sweet Emotion ทั้งสองเพลงขึ้นถึงอันดับ 10 และ 36 ตามลำดับ และตัวอัลบั้มเองก็ขึ้นถึงอันดับ 11 และตามมาด้วยอัลบั้มชุด Rocks ที่ออกขายในเดือนพฤษภาคม ปี 1976 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะขึ้นถึงอันดับ 3
ช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 70 และ 80 สมาชิกวง Aerosmith เริ่มมีปัญหาเรื่องยาเสพติด (สตีฟ ไทเลอร์) หลังการลาออกของโจ เพอร์รี่ และแบรด วิทฟอร์ด สถานภาพของวงก็เริ่มง่อนแง่น แต่เมื่อสมาชิกดั้งเดิมของวง กลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 1985 เพื่อทำอัลบั้ม Done With Mirrors อัลบั้มดังกล่าวก็ขึ้นถึงอันดับที่ 36 ทำให้การหวนคืนสู่อันดับเพลงของ Aerosmith กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเพลงร็อค ถึงเวลานี้ น้อยคนที่จะสงสัยว่า Aerosmith จะยังคงสามารถออกอัลบั้ม ที่ประสพความสำเร็จได้เทียมเท่า หรือมากกว่าผลงานในยุคทศวรรษที่ 70 หรือไม่ ความสำเร็จครั้งใหม่เริ่มต้นเมื่อสตีเว่น ไทเลอร์ และ โจ เพอร์รี่ ที่เพิ่งออกจากสถานบำบัดผู้ติดยา นำเพลงเก่า คือ Walk This Way มาทำใหม่ (Run DMC) และไต่ขึ้นถึงอันดับที่ 4 หลังจากการทำสัญญากับ เกฟเฟ่น เร็คคอร์ดส
Aerosmith เริ่มออกผลงานชุดแรกในสังกัดนี้ ในปี 1987 คือ Permanent Vacation ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง Angel (ขึ้นถึงอันดับ 3) และ Dude (Looks Like A Lady) (อันดับ 12) ปี 1989 Aerosmith ออกอัลบั้ม Pump มีเพลงฮิต What it take (ขึ้นอันดัล 9 ใน Billboard Hot 100 และขึ้นอันดับ 1 Mainstream Rock Tracks) ใน ปี 1993 Aerosmith กลับมา พร้อมกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยอัลบั้ม Get A Grip ซึ่งอยู่ในอันดับอัลบั้มของบิลบอร์ดนานถึง 92 สัปดาห์ และทำให้พวกเขามีเพลงที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ได้เป็นครั้งแรก
ในช่วงฤดูร้อนปี 1998 วงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแก่วงนี้ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ในอันดับเพลงของ บิลบอร์ดอีกครั้ง ด้วยเพลง I Don't Want To Miss A Thing ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon จนถึงปี 2001 พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้ม jaded กับ sony music
แหล่งกำเนิด บอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ตต์ สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง ฮาร์ดร็อก, เฮฟวีเมทัล, บลูส์-ร็อก
ปี 1970-ปัจจุบัน
ค่าย Columbia, Geffen
สมาชิก
สตีฟ ไทเลอร์
ชื่อเต็ม : สตีฟ วิคเตอร์ ทอลไลริโค
วันเกิด : 26 มีนาคม 1948
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : ฮาร์โมนิก้า แมนโดนลิน เปียโนและขลุ่ย
โจ เพอร์รี่
ชื่อเต็ม : แอนโธนี โจเซฟ เพอร์รี่
วันเกิด : 10 กันยายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์
แบรด วิทฟอร์ด
ชื่อเต็ม : แบรด เออร์เนสต์ วิทฟอร์ด
วันเกิด : 23 กุมภาพันธ์ 1952
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กีตาร์
ทอม แฮมิลตัน
ชื่อเต็ม : โธมัส วิลเลี่ยม แฮมิลตัน
วันเกิด : 31 ธันวาคม 1951
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : เบสกีตาร์
โจ เครเมอร์
ชื่อเต็ม : โจเซฟ ไมเคิล เครเมอร์
วันเกิด : 21 มิถุนายน 1950
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : กลองและเพอร์คัชชั่น
Aerosmith เป็นวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด วงหนึ่งในยุค 70 พวกเขาเป็นวงฮาร์ดร็อค ที่มีพื้นฐานดนตรี แบบบลูส์ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวงโรลลิ่ง สโตนส์ และเล็ด เซ็พพลิน สตีเว่น ไทเลอร์ นักร้องนำและ โจ เพอร์รี่ มือกีต้าร์ ร่วมกันก่อตั้งวงขึ้นในปีค.ศ. 1970 ในช่วงสิ้นปีนั้น ทอม แฮมิลตัน มือเบส, แบรด วิทฟอร์ดมือริธึ่มกีต้าร์ และโจอี้ เครเมอร์ มือกลอง ก็เข้ามาสมทบ โดยโจอี้ เครเมอร์ เป็นผู้ตั้งชื่อ Aerosmith เป็นชื่อวงดนตรี
วงดนตรีจากบอสตันวงนี้ เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง โคลัมเบีย เร็คคอร์ดส ในปี 1972 และ1 ปีให้หลังก็ออกผลงานชิ้นแรกในนามAerosmith อัลบั้มดังกล่าว มีเพลงเด่นเป็นเพลงช้าที่ทรงพลังอย่าง Dream On ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 59 ในอันดับเพลงป๊อป ของนิตยสารบิลบอร์ด อัลบั้มชุดต่อมาคือ Get Your Wings ออกขายในปี 1974 และติดอันดับ อัลบั้มของบิลบอร์ด อยู่นานถึง 86 สัปดาห์ อัลบั้ม Toys In The Attic ในปีค.ศ. 1975 เป็นอัลบั้มสร้างชื่อของAerosmith ด้วยความแรงของ สองซิงเกิ้ลเอกของอัลบั้มคือ Walk This Way กับ Sweet Emotion ทั้งสองเพลงขึ้นถึงอันดับ 10 และ 36 ตามลำดับ และตัวอัลบั้มเองก็ขึ้นถึงอันดับ 11 และตามมาด้วยอัลบั้มชุด Rocks ที่ออกขายในเดือนพฤษภาคม ปี 1976 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะขึ้นถึงอันดับ 3
ช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 70 และ 80 สมาชิกวง Aerosmith เริ่มมีปัญหาเรื่องยาเสพติด (สตีฟ ไทเลอร์) หลังการลาออกของโจ เพอร์รี่ และแบรด วิทฟอร์ด สถานภาพของวงก็เริ่มง่อนแง่น แต่เมื่อสมาชิกดั้งเดิมของวง กลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 1985 เพื่อทำอัลบั้ม Done With Mirrors อัลบั้มดังกล่าวก็ขึ้นถึงอันดับที่ 36 ทำให้การหวนคืนสู่อันดับเพลงของ Aerosmith กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเพลงร็อค ถึงเวลานี้ น้อยคนที่จะสงสัยว่า Aerosmith จะยังคงสามารถออกอัลบั้ม ที่ประสพความสำเร็จได้เทียมเท่า หรือมากกว่าผลงานในยุคทศวรรษที่ 70 หรือไม่ ความสำเร็จครั้งใหม่เริ่มต้นเมื่อสตีเว่น ไทเลอร์ และ โจ เพอร์รี่ ที่เพิ่งออกจากสถานบำบัดผู้ติดยา นำเพลงเก่า คือ Walk This Way มาทำใหม่ (Run DMC) และไต่ขึ้นถึงอันดับที่ 4 หลังจากการทำสัญญากับ เกฟเฟ่น เร็คคอร์ดส
Aerosmith เริ่มออกผลงานชุดแรกในสังกัดนี้ ในปี 1987 คือ Permanent Vacation ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง Angel (ขึ้นถึงอันดับ 3) และ Dude (Looks Like A Lady) (อันดับ 12) ปี 1989 Aerosmith ออกอัลบั้ม Pump มีเพลงฮิต What it take (ขึ้นอันดัล 9 ใน Billboard Hot 100 และขึ้นอันดับ 1 Mainstream Rock Tracks) ใน ปี 1993 Aerosmith กลับมา พร้อมกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยอัลบั้ม Get A Grip ซึ่งอยู่ในอันดับอัลบั้มของบิลบอร์ดนานถึง 92 สัปดาห์ และทำให้พวกเขามีเพลงที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ได้เป็นครั้งแรก
ในช่วงฤดูร้อนปี 1998 วงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแก่วงนี้ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ในอันดับเพลงของ บิลบอร์ดอีกครั้ง ด้วยเพลง I Don't Want To Miss A Thing ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon จนถึงปี 2001 พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้ม jaded กับ sony music
Tuesday, March 08, 2011
World Military Strength Ranking
การจัดอันดับพลังอำนาจทางทหารของโลก
อันดับที่ 1-10
1.USA
2.China
3.Russia
4.India
5.U.K.
6.France
7.Germany
8.Brazil
9.Japan
10.Turkey
อันดับที่ 11-20
11.Israel
12.South Korea
13.Italy
14.Indonesia
15.Pakistan
16.Taiwan
17.Egypt
18.Iran
19.Mexico
20.North Korea
อันดับที่ 21-30
21.Sweden
22.Greece
23.Canada
24.Saudi Arabia
25.Ukraine
26.Australia
27.Spain
28.Thailand
29.Denmark
30.Poland
อันดับที่ 31-40
31.Philippines
32.South Africa
33.Argentina
34.Syria
35.Norway
36.Georgia
37.Iraq
38.Venezuela
39.Libya
40.Afghanistan
ที่มา: GlobalFirepower.com: World Military Strength Ranking
อันดับที่ 1-10
1.USA
2.China
3.Russia
4.India
5.U.K.
6.France
7.Germany
8.Brazil
9.Japan
10.Turkey
อันดับที่ 11-20
11.Israel
12.South Korea
13.Italy
14.Indonesia
15.Pakistan
16.Taiwan
17.Egypt
18.Iran
19.Mexico
20.North Korea
อันดับที่ 21-30
21.Sweden
22.Greece
23.Canada
24.Saudi Arabia
25.Ukraine
26.Australia
27.Spain
28.Thailand
29.Denmark
30.Poland
อันดับที่ 31-40
31.Philippines
32.South Africa
33.Argentina
34.Syria
35.Norway
36.Georgia
37.Iraq
38.Venezuela
39.Libya
40.Afghanistan
ที่มา: GlobalFirepower.com: World Military Strength Ranking
Saturday, March 05, 2011
คุณเหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างคนโสดหรือไม่
หากคุณไม่แน่ใจว่าไลฟ์สไตล์แบบโสดๆ จะเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ขอเชิญวัด “ดีกรีความเป็นคนโสด” ของตัวเอง ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้
1. คุณเป็นคนรักอิสระอย่างแรง
2. คุณหวงแหนความเป็นส่วนตัว และชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว
3. คุณมีความอดทนต่ำกับปัญหาของคนอื่น
4. คุณมักจะหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปรู้เห็น หรือแบกรับภาระของคนอื่น
5. คุณมีอารมณ์ศิลปิน ชอบทำอะไรตามใจฉัน คาดเดายาก และชอบทำตัวเป็นบุคคลลึกลับ
6. คุณขี้เบื่อ และทนอยู่กับอะไรที่ซ้ำซากได้ไม่ดีนัก
7. คุณรักสงบ และเกลียดการมีปากเสียงเป็นที่สุด
8. คุณรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องพบปะญาติพี่น้อง
9. ความฝันของคุณคือการท่องไป เพื่อผจญภัยในโลกกว้าง มากกว่าการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
10. เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ คุณมักเลือกที่จะ “หัก” มากกว่าเลือกที่จะ “งอ”
ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” มากกว่า 7 ข้อขึ้นไปแล้วล่ะก็ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมคนโสด” เพราะที่นั่น คุณน่าจะมีชีวิตที่เปี่ยมสุข เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกเป็นอิสระมากกว่ากันเยอะ
1. คุณเป็นคนรักอิสระอย่างแรง
2. คุณหวงแหนความเป็นส่วนตัว และชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว
3. คุณมีความอดทนต่ำกับปัญหาของคนอื่น
4. คุณมักจะหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปรู้เห็น หรือแบกรับภาระของคนอื่น
5. คุณมีอารมณ์ศิลปิน ชอบทำอะไรตามใจฉัน คาดเดายาก และชอบทำตัวเป็นบุคคลลึกลับ
6. คุณขี้เบื่อ และทนอยู่กับอะไรที่ซ้ำซากได้ไม่ดีนัก
7. คุณรักสงบ และเกลียดการมีปากเสียงเป็นที่สุด
8. คุณรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องพบปะญาติพี่น้อง
9. ความฝันของคุณคือการท่องไป เพื่อผจญภัยในโลกกว้าง มากกว่าการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
10. เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ คุณมักเลือกที่จะ “หัก” มากกว่าเลือกที่จะ “งอ”
ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” มากกว่า 7 ข้อขึ้นไปแล้วล่ะก็ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมคนโสด” เพราะที่นั่น คุณน่าจะมีชีวิตที่เปี่ยมสุข เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกเป็นอิสระมากกว่ากันเยอะ
Wednesday, March 02, 2011
Command Post Exercise (CPX)
A Command Post Exercise (CPX) is a medium-cost, medium-overhead training exercise that may be conducted in garrison or in the field. It is the most common exercise used for training the battalion staff, subordinate, and supporting leaders in order to successfully plan, coordinate, synchronize, and exercise C2 over operations during mission execution. In garrison, a CPX is an expanded MAPEX, using tactical communications, both digital and analog, systems and personnel in a CP environment. Normal battlefield distances between the CPs are usually reduced, and CPs do not need to exercise all tactical communications.
The most effective CPXs are conducted in the field. In field operations time-distance should realistically reflect Army doctrine and Mission, Enemy, Troops, Terrain, and Time Available (METT-T). Operations should be continuous and support the use of all organic and supporting communications equipment. Commanders can practice combined arms integration and tactical emplacement and displacement of CPs. Each headquarters should practice survivability operations such as dispersion, camouflage, and security.
In preparation, units often conduct a TOCEX prior to conducting a CPX. This allows the principal and special staffs to organize for war (such as CPs and staff cells) and train MTP tasks. Additionally, it provides the command group and staff the opportunity to practice setting up the CPs
Ref: Global Security.org: Command Post Exercise (CPX)
The most effective CPXs are conducted in the field. In field operations time-distance should realistically reflect Army doctrine and Mission, Enemy, Troops, Terrain, and Time Available (METT-T). Operations should be continuous and support the use of all organic and supporting communications equipment. Commanders can practice combined arms integration and tactical emplacement and displacement of CPs. Each headquarters should practice survivability operations such as dispersion, camouflage, and security.
In preparation, units often conduct a TOCEX prior to conducting a CPX. This allows the principal and special staffs to organize for war (such as CPs and staff cells) and train MTP tasks. Additionally, it provides the command group and staff the opportunity to practice setting up the CPs
Ref: Global Security.org: Command Post Exercise (CPX)
Monday, February 14, 2011
วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)
วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine's Day) หรือที่เป็นที่รู้จักว่า วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ ซึ่งโดยมากจะไม่ระบุชื่อ
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย
และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในความรักที่แท้จริงนั้น ก็ควรจะประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้
1. ให้รู้จักกันทั้งในด้านดี ในด้านเสีย และข้อผิดพลาดซึ่งต่างก็มีอยู่ และยอมรับซึ่งกันและกันในข้อเหล่านั้น
2. ให้เคารพและเห็นใจกัน โดยเสียสละต่อกันเพื่อให้คนรักของตนได้รับความดี และความสุขใจในทางที่บริสุทธิ์งดงาม
3. ให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนนิสัยของตนในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะอยู่กันด้วยความสุขในอนาคต
ลักษณะทั้งสามดังกล่าวนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับหนุ่มสาวไทยไม่เฉพาะ ในวันวาเลนไทน์หรือสำหรับกลุ่มที่นิยมประเพณีต่างประเทศเท่านั้น แต่สำหรับทุกคู่ที่แสวงหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอัน จะนำไปสู่ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนชั่วชีวิต
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย
และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในความรักที่แท้จริงนั้น ก็ควรจะประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้
1. ให้รู้จักกันทั้งในด้านดี ในด้านเสีย และข้อผิดพลาดซึ่งต่างก็มีอยู่ และยอมรับซึ่งกันและกันในข้อเหล่านั้น
2. ให้เคารพและเห็นใจกัน โดยเสียสละต่อกันเพื่อให้คนรักของตนได้รับความดี และความสุขใจในทางที่บริสุทธิ์งดงาม
3. ให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนนิสัยของตนในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะอยู่กันด้วยความสุขในอนาคต
ลักษณะทั้งสามดังกล่าวนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับหนุ่มสาวไทยไม่เฉพาะ ในวันวาเลนไทน์หรือสำหรับกลุ่มที่นิยมประเพณีต่างประเทศเท่านั้น แต่สำหรับทุกคู่ที่แสวงหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอัน จะนำไปสู่ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนชั่วชีวิต
Tuesday, January 18, 2011
ไต้หวันทดสอบยิงมิสไซล์
สำนักงานข่าวต่างประเทศรายงานข่าวเมื่อวันอังคารที่ 18 ม.ค. 2011 ว่า ประเทศไต้หวันทำการทดสอบยิงมิสไซล์ ผิวน้ำสู่อากาศและอากาศสู่(เป้าหมายใน)อากาศ การทดสอบครั้งนี้รับผิดชอบและควบคุมโดยนาย Ma Ying-jeou ประธานาธิบดีของประเทศไต้หวัน
การทดสอบยิงมิสไซล์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการทดสอบการบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ stealth J-20 ของจีน ประสบผลสำเร็จเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องบินขับไล่ stealth J-20 ของจีนคาดว่าจะเป็นระบบอาวุธชนิดใหม่มีเป็นภัยคุกคามระดับยุทธศาสตร์ต่อประเทศไต้หวัน
มิสไซล์ ผิวน้ำสู่อากาศ ฮอร์ค (Hawk)
นาย Ma Ying-jeou ประธานาธิบดีของประเทศไต้หวัน
ที่มา Taiwan's unusually public missile test fizzles Washington Post January 18, 2011
การทดสอบยิงมิสไซล์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการทดสอบการบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ stealth J-20 ของจีน ประสบผลสำเร็จเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องบินขับไล่ stealth J-20 ของจีนคาดว่าจะเป็นระบบอาวุธชนิดใหม่มีเป็นภัยคุกคามระดับยุทธศาสตร์ต่อประเทศไต้หวัน
ที่มา Taiwan's unusually public missile test fizzles Washington Post January 18, 2011
Saturday, January 15, 2011
รถไฟความเร็วสูง : เทรนด์การพัฒนาแบบก้าวกระโดดของโลก
รัฐบาลจีนมีแผนพัฒนาระบบเศรษฐกิจด้วยการสร้างการขนส่งระบบรางให้ทั่วถึงทั้งโลก เพื่อลดต้นทุนในด้านการขนส่ง และโลจิสติกส์ ซึ่งในยุโรปได้พัฒนาเรียบร้อยแล้ว ส่วนสหรัฐอเมริกากำลังเจรจากับญี่ปุ่นอยู่
ล่าสุดรัฐบาลจีนจะลงทุนในประเทศลาว ด้วยรถไฟความเร็วสูง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากชายแดนจีน-ลาว จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์
ข้อดีของการขนส่งระบบรางด้วยรถไฟความเร็วสูง
1. เหมาะสำหรับนำมาใช้งานในกรณีนี้เพราะเป็นระบบขนส่งซึ่งสามารถขนส่งได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก (High Capacity) ประหยัดพลังงาน ก่อมลภาวะน้อยกว่าระบบการขนส่งแบบอื่นและมีความรวดเร็วที่เหมาะสม
2.(ยกตัวอย่างเกาะไต้หวัน) ทำให้เกาะไต้หวันแปรสภาพจากชุมชนที่มีเมืองใหญ่หลายเมืองเป็นศูนย์กลางไปเป็นชุมชนเมืองแบบเมืองเดียวที่มีไทเปเป็นศูนย์กลางและมีเมืองขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันลงมาจากเหนือจรดใต้ เป็นศูนย์กลางเมืองย่อย (Poly-Centric City) ซึ่งประชาชนสามารถเดินทางไปและกลับจากไทเปได้ในวันเดียว รถไฟความเร็วสูงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชาชนไปในทางที่รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมและทำให้มีความสุขมากขึ้น
3.กระจายความเจริญออกสู่ภูมิภาค ทำให้เกิดชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางเมืองหลวงเดิมมากขึ้น ชุมชนขนาดใหญ่เหล่านี้จะพัฒนาความต้องการเดินทางในรูปแบบที่ใช้เวลาสั้น ๆ ระหว่างกันขึ้น
ล่าสุดรัฐบาลจีนจะลงทุนในประเทศลาว ด้วยรถไฟความเร็วสูง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากชายแดนจีน-ลาว จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์
ข้อดีของการขนส่งระบบรางด้วยรถไฟความเร็วสูง
1. เหมาะสำหรับนำมาใช้งานในกรณีนี้เพราะเป็นระบบขนส่งซึ่งสามารถขนส่งได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก (High Capacity) ประหยัดพลังงาน ก่อมลภาวะน้อยกว่าระบบการขนส่งแบบอื่นและมีความรวดเร็วที่เหมาะสม
2.(ยกตัวอย่างเกาะไต้หวัน) ทำให้เกาะไต้หวันแปรสภาพจากชุมชนที่มีเมืองใหญ่หลายเมืองเป็นศูนย์กลางไปเป็นชุมชนเมืองแบบเมืองเดียวที่มีไทเปเป็นศูนย์กลางและมีเมืองขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันลงมาจากเหนือจรดใต้ เป็นศูนย์กลางเมืองย่อย (Poly-Centric City) ซึ่งประชาชนสามารถเดินทางไปและกลับจากไทเปได้ในวันเดียว รถไฟความเร็วสูงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชาชนไปในทางที่รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมและทำให้มีความสุขมากขึ้น
3.กระจายความเจริญออกสู่ภูมิภาค ทำให้เกิดชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางเมืองหลวงเดิมมากขึ้น ชุมชนขนาดใหญ่เหล่านี้จะพัฒนาความต้องการเดินทางในรูปแบบที่ใช้เวลาสั้น ๆ ระหว่างกันขึ้น
Saturday, January 08, 2011
คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔
คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
ประวัติ
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้
วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
ประวัติ
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้
J-20 เครื่องบินรบล่องหนรุ่นใหม่ของจีน
สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง ในด้านการผลิตเครื่องบินรบล่องหนลำแรกของจีนที่ถูกนำมาทดสอบจริงเป็นครั้งแรก โดยมีผู้ถ่ายการทดสอบเครื่องบินรบล่องหนของจีนไว้ได้และถูกนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูป (YouTube) โดยเครื่องบินรบรุ่นนี้เป็นรุ่น J-20 นามเรียกขานว่า Black Eagle หรือ อินทรีย์ดำ
J-20 นี้แต่เดิมอยู่ในชื่อของโครงการว่า J-XX ซึ่งริเริ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 โดยเริ่มสร้างเครื่องต้นแบบจำนวน 2 เครื่องในช่วงปี 2001 และ 2002 จนมาแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2010ที่ผ่านมา และเริ่มการทดสอบการบิน ทดสอบอุปกรณ์การบินต่างๆเมื่อปลายปี 2010 ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่าจะถูกเข้าประจำการในปี 2017-2019 โดยคาดว่าจะเข้ามามีบทบาทเพื่อเป็นเครื่องบินแบบเอนกประสงค์หลายภารกิจ เช่นเดียวกับ F-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐ โดย J-20 จะเป็นเครื่องบินเชิงรุกเช่นเดียวกับ F-22 Rapter,F-35 และ Su T-50 ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องบินรบที่มีเทคโนโลยีล่องหน (Stealth)
เครื่องบินรบรุ่น J-20 นี้จะสามารถบรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงมากกว่า F-22 นั่นจะทำให้พิสัยทำการและจำนวนอาวุธจะมีมากกว่าเครื่อง F-22 ทำให้ภารกิจของเครื่องบิน J-20 มีความหลากหลายตามไปกับความสามารถในการบรรทุกที่มากกว่าและพิสัยการบินที่ไกลกว่า ซึ่งจากรูปภาพที่ถูกเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตทีผ่านมาพบว่าโครงสร้างอากาศยานมีความคล้ายคลึงกับ F-35 ค่อนข้างมากขณะที่มีขนาดลำตัวเครื่องบินมีขนาดใหญ่กว่า F-22 ไม่มากนักซึ่งเครื่องที่ทำการทดสอบคาดว่าใช้เครื่องยนต์แบบ Saturn117s ที่ผลิตในรัสเซียจำนวน 2 เครื่องยนต์ ระบบเรดาห์เป็นแบบ Active Electronically Scanned Array (AESA)
โดยเครื่องบินรบ J-20 นี้ถูกพัฒนาและสร้างโดยบริษัท Chengdu Aircraft Industry Group (CAC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอากาศยานชั้นนำของรัฐบาลจีนที่ผลิตเครื่องบินรบออกมาหลายแบบทั้ง JF-17 , J-7 (ทั้งสองรุ่นเป็นเครื่องบินรบส่งออกของจีน)
การที่จีนสามารถผลิตเครื่องบินรบประสิทธิภาพสูงและล่องหนได้จะทำให้จีนมีความมั่นใจในกำลังทางอากาศของตนเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง J-20 ที่ผลิตออกมาเป็นเครื่องบินรบที่มีเป้าประสงค์จะเข้ามาต่อกรกับเครื่องบินรบของสหรัฐเช่น F-22 ,F-35 ที่ล้วนเป็นเครื่องบินยุคที่ 5 ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งอย่างไต้หวันย่อมมองด้วยความพรั่นพรึงอย่างแน่นอนต่อการครองน่านฟ้าเหนือช่องแคบไต้หวัน โดยการประจำการเครื่องบินรบรุ่นนี้ในอนาคตของจีนส่วนหนึ่งจะต้องอยู่ใกล้กับช่องแคบไต้หวันเพราะเป็นพื้นที่ที่จีนจะต้องครองอากาศเอาไว้ให้ได้เร็วที่สุดถ้าเกิดสงคราม ซึ่งเป็นไปได้ว่าถ้าเกิดการปะทะขึ้นเครื่องบินที่มาปะทะจะเป็นเครื่องบินในยุคเดียวกันอย่าง F-35 หรือ F-22 ขณะที่ไต้หวันเองย่อมจะต้องตอบโต้กลับด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินรบประเภทเดียวกันจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็น F-35 ที่กำลังพัฒนาอยู่ในเวลานี้
การพัฒนาเครื่องบินรบแบบล่องหนนี้นอกจากสถาปนาขีดความสามารถทางการรบที่มากขึ้นของกองทัพอากาศจีนแล้วยังทำให้ยุทธศาสตร์ของจีนเป็นในเชิงรุกมากขึ้นเพราะเครื่องบินชนิดนี้เป็นเครื่องบินเชิงรุกทางยุทธศาสตร์ การสร้างอำนาจต่อรองทางยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกไกลของจีนจะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น นั่นย่อมทำให้ประเทศในเอเชียต้องมองจีนในมุมอีกด้านถึงความแข็งกร้าวทางทหารที่จีนเริ่มสะสมกำลังทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการดำเนินนโยบายการต่างประเทศนอกเหนือจาก Soft Power ที่จีนทำมาตลอด
เปรียบเทียบภาพด้านข้างของเครื่องบินขับไล่ J-10 กับเครื่องบินขับไล่สเตลต์ J-20
เปรียบเทียบภาพด้านข้างของเครื่องบินขับไล่สเตลต์ J-20 จีน, T-50 รัสเซีย, F-22 สหรัฐฯ
J-20 นี้แต่เดิมอยู่ในชื่อของโครงการว่า J-XX ซึ่งริเริ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 โดยเริ่มสร้างเครื่องต้นแบบจำนวน 2 เครื่องในช่วงปี 2001 และ 2002 จนมาแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2010ที่ผ่านมา และเริ่มการทดสอบการบิน ทดสอบอุปกรณ์การบินต่างๆเมื่อปลายปี 2010 ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่าจะถูกเข้าประจำการในปี 2017-2019 โดยคาดว่าจะเข้ามามีบทบาทเพื่อเป็นเครื่องบินแบบเอนกประสงค์หลายภารกิจ เช่นเดียวกับ F-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐ โดย J-20 จะเป็นเครื่องบินเชิงรุกเช่นเดียวกับ F-22 Rapter,F-35 และ Su T-50 ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องบินรบที่มีเทคโนโลยีล่องหน (Stealth)
เครื่องบินรบรุ่น J-20 นี้จะสามารถบรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงมากกว่า F-22 นั่นจะทำให้พิสัยทำการและจำนวนอาวุธจะมีมากกว่าเครื่อง F-22 ทำให้ภารกิจของเครื่องบิน J-20 มีความหลากหลายตามไปกับความสามารถในการบรรทุกที่มากกว่าและพิสัยการบินที่ไกลกว่า ซึ่งจากรูปภาพที่ถูกเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตทีผ่านมาพบว่าโครงสร้างอากาศยานมีความคล้ายคลึงกับ F-35 ค่อนข้างมากขณะที่มีขนาดลำตัวเครื่องบินมีขนาดใหญ่กว่า F-22 ไม่มากนักซึ่งเครื่องที่ทำการทดสอบคาดว่าใช้เครื่องยนต์แบบ Saturn117s ที่ผลิตในรัสเซียจำนวน 2 เครื่องยนต์ ระบบเรดาห์เป็นแบบ Active Electronically Scanned Array (AESA)
โดยเครื่องบินรบ J-20 นี้ถูกพัฒนาและสร้างโดยบริษัท Chengdu Aircraft Industry Group (CAC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอากาศยานชั้นนำของรัฐบาลจีนที่ผลิตเครื่องบินรบออกมาหลายแบบทั้ง JF-17 , J-7 (ทั้งสองรุ่นเป็นเครื่องบินรบส่งออกของจีน)
การที่จีนสามารถผลิตเครื่องบินรบประสิทธิภาพสูงและล่องหนได้จะทำให้จีนมีความมั่นใจในกำลังทางอากาศของตนเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง J-20 ที่ผลิตออกมาเป็นเครื่องบินรบที่มีเป้าประสงค์จะเข้ามาต่อกรกับเครื่องบินรบของสหรัฐเช่น F-22 ,F-35 ที่ล้วนเป็นเครื่องบินยุคที่ 5 ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งอย่างไต้หวันย่อมมองด้วยความพรั่นพรึงอย่างแน่นอนต่อการครองน่านฟ้าเหนือช่องแคบไต้หวัน โดยการประจำการเครื่องบินรบรุ่นนี้ในอนาคตของจีนส่วนหนึ่งจะต้องอยู่ใกล้กับช่องแคบไต้หวันเพราะเป็นพื้นที่ที่จีนจะต้องครองอากาศเอาไว้ให้ได้เร็วที่สุดถ้าเกิดสงคราม ซึ่งเป็นไปได้ว่าถ้าเกิดการปะทะขึ้นเครื่องบินที่มาปะทะจะเป็นเครื่องบินในยุคเดียวกันอย่าง F-35 หรือ F-22 ขณะที่ไต้หวันเองย่อมจะต้องตอบโต้กลับด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินรบประเภทเดียวกันจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็น F-35 ที่กำลังพัฒนาอยู่ในเวลานี้
การพัฒนาเครื่องบินรบแบบล่องหนนี้นอกจากสถาปนาขีดความสามารถทางการรบที่มากขึ้นของกองทัพอากาศจีนแล้วยังทำให้ยุทธศาสตร์ของจีนเป็นในเชิงรุกมากขึ้นเพราะเครื่องบินชนิดนี้เป็นเครื่องบินเชิงรุกทางยุทธศาสตร์ การสร้างอำนาจต่อรองทางยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกไกลของจีนจะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น นั่นย่อมทำให้ประเทศในเอเชียต้องมองจีนในมุมอีกด้านถึงความแข็งกร้าวทางทหารที่จีนเริ่มสะสมกำลังทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการดำเนินนโยบายการต่างประเทศนอกเหนือจาก Soft Power ที่จีนทำมาตลอด
จีนเตรียมผุดศูนย์การค้าขนาดยักษ์ในไทย
ศูนย์การค้าดังกล่าวมีมูลค่าถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้พ่อค้าสามารถส่งออกสินค้าที่ผลิตจากจีนไปรอบโลกได้โดยไม่ถูกเรียกเก็บภาษีสินค้าส่งออกในอัตราที่สูงมากเฉกเช่นชาติตะวันตก ทั้งนี้ พ่อค้าชาวจีนกว่า 70,000 รายต่างคาดหวังที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจใน “มหานครแห่งการค้าจีน” (China City Complex) ดังกล่าว ซึ่งมีอาณาบริเวณราว 500,000 ตารางเมตร และมีที่ตั้งบริเวณชานเมืองกรุงเทพฝั่งตะวันออก นายหยาง ประธานสมาคมส่งเสริมการค้าและเศรษฐกิจอาเซียน-จีน กล่าวว่า จีนได้ลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนมกราคม 2010 อันนำไปสู่การลดหรือยกเลิกภาษีสินค้า
(การจัดทำ FTA ระหว่างจีนกับอาเซียนดังกล่าวนั้นส่งผลให้ภาษีสินค้าปกติลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2010 ซึ่งครอบคลุมสินค้ากว่าร้อยละ 90 ส่วนอีกร้อยละ 10 นั้นยังคงเป็นสินค้าอ่อนไหวที่จีนต้องการปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ)
แผนการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาสหรัฐฯ ที่ขาดดุลการค้าจีนถึง 1.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรปขาดดุลการค้าจีนอยู่ที่ 1.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อันเนื่องมาจากการซื้อสินค้าส่งออกจากจีนเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ การค้าเกินดุลของจีนจึงกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่พยายามจะหาทางรักษาส่วนแบ่งการตลาด
แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกแต่จีนก็ยังคงรักษาสถานะทางการค้าได้อย่างแข็งแกร่ง การส่งออกในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามียอดพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 34.9 จากปีก่อนหน้า และมีมูลค่าถึง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าจีนมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป การรายงานจาก China Daily ระบุว่า ศูนย์การค้าดังกล่าวจะขายสิ่งทอ เครื่องประดับ เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ผลิตจากจีน ศูนย์การค้าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคมและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน
(การจัดทำ FTA ระหว่างจีนกับอาเซียนดังกล่าวนั้นส่งผลให้ภาษีสินค้าปกติลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2010 ซึ่งครอบคลุมสินค้ากว่าร้อยละ 90 ส่วนอีกร้อยละ 10 นั้นยังคงเป็นสินค้าอ่อนไหวที่จีนต้องการปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ)
แผนการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาสหรัฐฯ ที่ขาดดุลการค้าจีนถึง 1.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรปขาดดุลการค้าจีนอยู่ที่ 1.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อันเนื่องมาจากการซื้อสินค้าส่งออกจากจีนเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ การค้าเกินดุลของจีนจึงกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่พยายามจะหาทางรักษาส่วนแบ่งการตลาด
แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกแต่จีนก็ยังคงรักษาสถานะทางการค้าได้อย่างแข็งแกร่ง การส่งออกในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามียอดพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 34.9 จากปีก่อนหน้า และมีมูลค่าถึง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าจีนมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป การรายงานจาก China Daily ระบุว่า ศูนย์การค้าดังกล่าวจะขายสิ่งทอ เครื่องประดับ เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ผลิตจากจีน ศูนย์การค้าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคมและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน
Saturday, January 01, 2011
Friday, December 31, 2010
Happy New Year 2011
สุขสันต์วันปีใหม่ ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลายทั้งปวง
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้คุณและครอบครัว พบแต่ความสุข ความเจริญตลอดไปเทอญ
วันนี้วันดีวันปีใหม่ ขอเทพไท้อวยชัยให้สมหวัง มีความสุขถ้วนหน้าทุกคืนวัน แม้ยามฝันยังสุขทุกเวลา
ขอให้ปีใหม่ คิดดี ทำดี และพบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดปี และตลอดไป ขออวยชัยให้มีสุขสมหวัง มีพลังในการต่อสู้ ... แฮปปี้นิวเยียร์
ปีใหม่ วันใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ สุข สนุกสดใส สุขสำราญ เบิกบานใจ สวัสดีปีใหม่ครับ
May this year bring inspiration and happiness to you and your family.
Looks like a bright new year ahead!
Wishing you peace and joy in the New Year
The beginning is always today! Happy New Year.
A new year is a reminder to celebrate all the things that are good in your world. Happy New Year.
Wishing you a very Happy New Year.
Time flies may you catch it and enjoy many moments in the year ahead Happy New Year.
Wishing you good times, good health, good cheer, and a very Happy New Year !
Wishing you peace, love and fun in the new year.
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้คุณและครอบครัว พบแต่ความสุข ความเจริญตลอดไปเทอญ
วันนี้วันดีวันปีใหม่ ขอเทพไท้อวยชัยให้สมหวัง มีความสุขถ้วนหน้าทุกคืนวัน แม้ยามฝันยังสุขทุกเวลา
ขอให้ปีใหม่ คิดดี ทำดี และพบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดปี และตลอดไป ขออวยชัยให้มีสุขสมหวัง มีพลังในการต่อสู้ ... แฮปปี้นิวเยียร์
ปีใหม่ วันใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ สุข สนุกสดใส สุขสำราญ เบิกบานใจ สวัสดีปีใหม่ครับ
May this year bring inspiration and happiness to you and your family.
Looks like a bright new year ahead!
Wishing you peace and joy in the New Year
The beginning is always today! Happy New Year.
A new year is a reminder to celebrate all the things that are good in your world. Happy New Year.
Wishing you a very Happy New Year.
Time flies may you catch it and enjoy many moments in the year ahead Happy New Year.
Wishing you good times, good health, good cheer, and a very Happy New Year !
Wishing you peace, love and fun in the new year.
Friday, December 10, 2010
Electronic Pickpocket
Credit Card with RFID technology เทคโนโลยีนี้ใช้การสื่อสารความถี่วิทยุ ซึ่งสามารถจารกรรมข้อมูล Credit card ผ่านย่ายความถี่วิทยุได้ ด้วย Electronic Pickpocket
ใครที่ใช้บริการ Paywave ไม่ว่าจะเป็น Blue Wave หรือ K-Wave โปรดระวังและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเครื่องมือที่มีชื่อว่า Electronic PickPocket ด้วย
ใครที่ใช้บริการ Paywave ไม่ว่าจะเป็น Blue Wave หรือ K-Wave โปรดระวังและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเครื่องมือที่มีชื่อว่า Electronic PickPocket ด้วย
Sunday, October 10, 2010
การจัดรูปแบบทางการเมืองของประเทศต่าง ๆ ตามการสำรวจเสรีภาพทั่วโลก ของ ฟรีดอมเฮาส์ ในปี ค.ศ. 2009:
สีเขียว (Green) - มีเสรีภาพเต็มที่ (Free)
สีเหลือง(Yellow) - มีเสรีภาพบางส่วน (Partly Free)
สีม่วง (Violet) - ไม่มีเสรีภาพ (Not Free)
ที่มา: th.wikipedia.org
Friday, October 01, 2010
Hacktivism
Hacktivism (Hack + activism) คือการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อกดดันทางการเมือง เช่น การเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ (Web site defacement) การเข้าโดยอ้อม (Redirect) การโจมตีเพื่อยกเลิกบริการ (Denial of Service attacks) การจารกรรมข่าวสาร (Information Theft) บุคคลที่กระทำดังกล่าว (Hacktivism) เรียกว่า Hacktivist
Hacktivist มีคุณลักษณะดังนี้
1.Politically motivated
2.Place a premium on humor, and often resembles a digital form of clowning
3.Owns a moderate "Outlaw Orientation" as opposed to severe
4.The result of aggressive policy circumvention - rather than a gradual attempt to change a policy
5.Always non-violent- a haction never places another in direct danger
6.Capacity for solo activity - while most forms of political activism require the strength of masses, hacktivism is most often the result of the power of one, or small group.
7.Is most often carried out anonymously, and can take place over transnational borders.
รูปแบบการโจมตีของ Hacktivism มีดังนี้
1. Web site defacement (DDoS)
2. Web site-ins (DDoS)
3. E-mail bombing (DDoS)
Hacktivism ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น
1.H.U.C (Honker Union of China)
2.G-Force Pakistan
Hacktivist มีคุณลักษณะดังนี้
1.Politically motivated
2.Place a premium on humor, and often resembles a digital form of clowning
3.Owns a moderate "Outlaw Orientation" as opposed to severe
4.The result of aggressive policy circumvention - rather than a gradual attempt to change a policy
5.Always non-violent- a haction never places another in direct danger
6.Capacity for solo activity - while most forms of political activism require the strength of masses, hacktivism is most often the result of the power of one, or small group.
7.Is most often carried out anonymously, and can take place over transnational borders.
รูปแบบการโจมตีของ Hacktivism มีดังนี้
1. Web site defacement (DDoS)
2. Web site-ins (DDoS)
3. E-mail bombing (DDoS)
Hacktivism ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น
1.H.U.C (Honker Union of China)
2.G-Force Pakistan
Thursday, September 23, 2010
Wikileaks
Wikileaks.org คือเว็บไซต์ที่เผยแพร่เอกสารที่บรรจุข่าวสารที่มีชั้นความลับของประเทศต่างๆทั่วโลก ก่อตั้งเดือนธันวาคม 2006 โดยชายนามว่า จูเลียน เอสแซง (Julian Assange) ชาวออสเตรเลีย เกิดปี ค.ศ. 1971 เคยเป็นนักศึกษาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เป็นโปรแกรมเมอร์และแฮกเกอร์มาก่อน เขาเคยเป็นสมาชิกในกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อว่า International Subversives
คุณลักษณะของเว็บไซต์ Wikileaks เหมือนกับ Wikipedia หรือสารานุกรมออนไลน์ คือ เปิดกว้างให้สามารถเข้าไปแก้ไขบทความหรือเนื้อหาได้ แต่เนื้อหาใน Wikileaks.org จะเป็นการรวบรวมเรื่องราวที่เคยเป็นความลับของประเทศต่างๆมาก่อน เช่น ข่าวสารลับของรัฐบาล ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ศาสนา ความลับทางการทหาร ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
พันธกิจของ Wikileaks คือ การเปิดโปงรัฐบาล (We open governments)
มีข่าวว่าเซิร์ฟเวอร์ของ Wikileaks ตั้งอยู่ในประเทศสวีเดน และมีเซิร์ฟเวอร์สำรอง (mirror) ตั้งอยู่มากมายทั่วโลก นอกจากนี้แล้วยังข่าวว่ายังมีเซิร์ฟเวอร์บางส่วนของ Wikileaks ได้ย้ายไปอยู่ในศูนย์ข้อมูลชื่อ White Mountains ของบริษัท Bahnhof โดย White Mountains เป็นอดีตหลุมหลบภัยนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็น ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของ Wikileaks ได้ไปอยู่ในสภาวะใต้ดินลึก 30 เมตร มีประตูเหล็กหนาครึ่งเมตร และมีระบบปั่นไฟสำรองที่นำมาจากเรือดำน้ำของเยอรมัน และนอกจากนาย Julian Assange เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์แล้วยังมีบุคคลใดอีกที่ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ Wikileaks.org
จากแหล่งข่าวเปิด ระบุว่าทีมงานของ Wikileaks มีจำนวน 5 คน ทำงานร่วมกันเต็มเวลา (Full time) และอีกประมาณ 800 คน ทำงานร่วมกันบางครั้งบางคราว
ขณะนี้ รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการเซ็นเซอร์เว็บไซต์ Wikileaks.org และรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประณามเว็บไซต์ Wikileaks.org ซึ่งเอกสารต่างๆที่เว็บไซต์ Wikileaks.org ได้รวบรวมและเผยแพร่นั้นกำลังคุกคามความมั่นคงของชาติต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Wikileaks คาดว่ายังมีอยู่อีกมากมาย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก
คุณลักษณะของเว็บไซต์ Wikileaks เหมือนกับ Wikipedia หรือสารานุกรมออนไลน์ คือ เปิดกว้างให้สามารถเข้าไปแก้ไขบทความหรือเนื้อหาได้ แต่เนื้อหาใน Wikileaks.org จะเป็นการรวบรวมเรื่องราวที่เคยเป็นความลับของประเทศต่างๆมาก่อน เช่น ข่าวสารลับของรัฐบาล ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ศาสนา ความลับทางการทหาร ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
พันธกิจของ Wikileaks คือ การเปิดโปงรัฐบาล (We open governments)
มีข่าวว่าเซิร์ฟเวอร์ของ Wikileaks ตั้งอยู่ในประเทศสวีเดน และมีเซิร์ฟเวอร์สำรอง (mirror) ตั้งอยู่มากมายทั่วโลก นอกจากนี้แล้วยังข่าวว่ายังมีเซิร์ฟเวอร์บางส่วนของ Wikileaks ได้ย้ายไปอยู่ในศูนย์ข้อมูลชื่อ White Mountains ของบริษัท Bahnhof โดย White Mountains เป็นอดีตหลุมหลบภัยนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็น ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของ Wikileaks ได้ไปอยู่ในสภาวะใต้ดินลึก 30 เมตร มีประตูเหล็กหนาครึ่งเมตร และมีระบบปั่นไฟสำรองที่นำมาจากเรือดำน้ำของเยอรมัน และนอกจากนาย Julian Assange เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์แล้วยังมีบุคคลใดอีกที่ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ Wikileaks.org
จากแหล่งข่าวเปิด ระบุว่าทีมงานของ Wikileaks มีจำนวน 5 คน ทำงานร่วมกันเต็มเวลา (Full time) และอีกประมาณ 800 คน ทำงานร่วมกันบางครั้งบางคราว
ขณะนี้ รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการเซ็นเซอร์เว็บไซต์ Wikileaks.org และรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประณามเว็บไซต์ Wikileaks.org ซึ่งเอกสารต่างๆที่เว็บไซต์ Wikileaks.org ได้รวบรวมและเผยแพร่นั้นกำลังคุกคามความมั่นคงของชาติต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Wikileaks คาดว่ายังมีอยู่อีกมากมาย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก
Sunday, September 12, 2010
WiMAX
WiMAX (Worldwide Interoperability for Microwave Access)เป็นเทคโนโลยีบนบรอดแบนด์แบบไร้สาย ซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาให้ใช้กันทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย ได้มีการลงทุนริเริ่มกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับประเทศไทยได้มีการทดลองติดตั้งบางส่วนในหลายจังหวัด อาทิ นครราชสีมา ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ เป็นต้น โดยแต่เดิมเราจะใช้บรอดแบนด์แบบมีสายเชื่อมต่อเข้าหากันผ่านทางสาย Lan หรือแบบไร้สายในระยะใกล้ๆเท่านั้น แต่เทคโนโลยีที่มีอยู่บนไวแม็กซ์ (WiMAX) จะสามารถสร้างเครือข่ายแบบไร้สายแบบหนึ่งจุดเชื่อมต่อไปยังอีกหลายจุดได้ อีกทั้งยังสามารถทำงานในระยะรัศมีที่ไกลๆออกไปเป็นกิโลๆเสมือนเป็น Hot Spot ขนาดใหญ่
ไวแม็กซ์ (WiMAX)บรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนมาตราฐานการสื่อสาร IEEE 802.16 ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนามาอยู่บนมาตราฐาน IEEE 802.16d มีความสามารถในการส่งกระจายสัญญาณในลักษณะจากจุดต่อจุด(Point-to-point)โดยได้มีการอนุมัติออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2004 โดยสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) ซึ่งมีระยะรัศมีทำการที่ 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร นั่นก็หมายความว่า ไวแม็กซ์ (WiMAX) จะสามารถทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนระบบ 3G มากถึง 10 เท่า พร้อมยังมีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นมัลติมีเดียที่มีทั้งภาพและเสียงหรือจะเป็นข้อมูลล้วนๆก็ตามได้สูงสุดถึง 75 เมกกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งก็เร็วกว่าระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ 3G มากถึง 30 เท่าเลยที่เดียว ต่อมา IEEE ได้พัฒนามาตรฐานการสื่อสาร IEEE 802.16 ใหม่เป็น IEEE 802.16e โดยมาตราฐาน IEEE 802.16e หรือ WiMAX มีความสามารถในการส่งกระจายสัญญาณในลักษณะจากจุดเดียวไปยังหลายจุด (Point-to-multipoint) ได้พร้อมๆกัน โดยมีความสามารถรองรับการทำงานในแบบ Non-Line-of-Sight ได้ สามารถทำงานได้แม้กระทั่งมีสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ หรือ อาคารได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้WiMAX สามารถช่วยให้ผู้ที่ใช้งาน สามารถขยายเครือข่ายเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้กว้างขวางด้วยรัศมีทำการถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร และมีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 75 Mbps มาตราฐาน IEEE 802.16a นี้ใช้งานอยู่บนคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่ระหว่าง 2-11 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์มาตราฐานชนิดอื่นๆที่ออกมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
ระบบเทคโนโลยี WiMAX ทำงานอย่างไร
ไวแม็กซ์ (WiMAX) บนเทคโนโลยีแบบไร้สายมาตรฐานใหม่ IEEE 802.16 มีความสามรถในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการของเทคโนโลยี OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing) ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของวิทยุขนาดเล็ก (Sub-Carrier) มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยการนำคลื่นความถี่วิทยุขนาดเล็กในระดับ KHz มาจัดสรรให้แก่ผู้ใช้ตามข้อกำหนดของคลื่นความถี่วิทยุจนเกิดเป็นเครือข่ายแบบไร้สายที่มีขนาดใหญ่ และรองรับการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงในทุกสถานที่ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าความเร็วสำหรับ ไวแม็กซ์ (WiMAX) นั้นมีอัตราความเร็วในการส่งสัญญาณข้อมูลมากถึง 75 เมกกะบิตต่อวินาที (Mbps) โดยใช้กลไกการเปลี่ยนคลื่นสัญญาณที่ให้ประสิทธิภาพสูง สามารถส่งสัญญาณออกไปได้ระยพไกลมากถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร นอกจากนี้สถานีฐาน (Base Station) ยังสามารถพิจารณาความเหมาะสมในการรับส่งระหว่างความเร็วและระยะทางได้อีกด้วย
ในส่วนของพื้นที่บริการ ก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างกว้างขวางโดยใช้เทคนิคของการแปลงสัญญาณที่มีความคล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานบนมาตรฐาน IEEE 802.16a บนระบบเครือข่ายที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน (Mesh Topology) และเทคนิคการใช้งานกับเสาอากาศ แบบอัจฉริยะ (Smart Antenna) ที่ช่วยประหยัดต้นทุน และมีความน่าเชื่อถือสูงด้วยมีระบบจัดการลำดับความสำคัญของงานบริการ (Qos – Quality of Service) ที่รองรับ การทำงานของบริการสัญาณภาพและเสียง ซึ่งระบบเสียงบนเทคโนโลยี WiMAX นั้นจะอยู่ในรูปของบริการ Time Division Muliplexed (TDM) หรือบริการในรูปแบบ Voice over IP (VoIP) ก็ได้ โดยโอเปอร์เรเตอร์สามารถกำหนดระดับความสำคัญของการใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบของลัษณะงาน
ส่วนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยนั้น WiMAX มีคุณสมบัติของระบบรักษาความปลอดภัยสูงด้วยระบบรักษารหัสลับของข้อมูลและการเข้ารหัสในการเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมระบบตรวจสอบสิทธิในการใช้งาน
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายมาตรฐาน ไวแมกซ์ นั้น มีองค์กรที่ได้รับการจัดตั้งจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานกลางของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงมาตรฐาน IEEE 802.16 รวมถึงการทำหน้าที่ทดสอบและออกใบรับรองให้แก่อุปกรณืที่ใช้มาตรฐานไร้สายระบบใหม่ ทั้งนี้มาตรฐาน IEEE 802.16 จะถูกเรียกกันทั่วไปว่า ไวแมกซ์ เช่นเดียวกับมาตรฐาน IEEE 802.1
ผู้เขียน
๐ จุไรพร สุขปักษา
๐ ฐิติวัชร์ กมลธีระโรจน์
๐ อุดร เขียวอ่อน
ที่มา - WiMAX - vcharkarn.com, Wikipedia - Thai
More information: IEEE 802.16 Working Group on Broadband Wireless Access Standards, BWA คืออะไร ? โดย พ.อ.รศ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ, Siam WiMAX
ไวแม็กซ์ (WiMAX)บรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนมาตราฐานการสื่อสาร IEEE 802.16 ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนามาอยู่บนมาตราฐาน IEEE 802.16d มีความสามารถในการส่งกระจายสัญญาณในลักษณะจากจุดต่อจุด(Point-to-point)โดยได้มีการอนุมัติออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2004 โดยสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) ซึ่งมีระยะรัศมีทำการที่ 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร นั่นก็หมายความว่า ไวแม็กซ์ (WiMAX) จะสามารถทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนระบบ 3G มากถึง 10 เท่า พร้อมยังมีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นมัลติมีเดียที่มีทั้งภาพและเสียงหรือจะเป็นข้อมูลล้วนๆก็ตามได้สูงสุดถึง 75 เมกกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งก็เร็วกว่าระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ 3G มากถึง 30 เท่าเลยที่เดียว ต่อมา IEEE ได้พัฒนามาตรฐานการสื่อสาร IEEE 802.16 ใหม่เป็น IEEE 802.16e โดยมาตราฐาน IEEE 802.16e หรือ WiMAX มีความสามารถในการส่งกระจายสัญญาณในลักษณะจากจุดเดียวไปยังหลายจุด (Point-to-multipoint) ได้พร้อมๆกัน โดยมีความสามารถรองรับการทำงานในแบบ Non-Line-of-Sight ได้ สามารถทำงานได้แม้กระทั่งมีสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ หรือ อาคารได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้WiMAX สามารถช่วยให้ผู้ที่ใช้งาน สามารถขยายเครือข่ายเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้กว้างขวางด้วยรัศมีทำการถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร และมีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 75 Mbps มาตราฐาน IEEE 802.16a นี้ใช้งานอยู่บนคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่ระหว่าง 2-11 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์มาตราฐานชนิดอื่นๆที่ออกมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
ระบบเทคโนโลยี WiMAX ทำงานอย่างไร
ไวแม็กซ์ (WiMAX) บนเทคโนโลยีแบบไร้สายมาตรฐานใหม่ IEEE 802.16 มีความสามรถในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการของเทคโนโลยี OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing) ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของวิทยุขนาดเล็ก (Sub-Carrier) มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยการนำคลื่นความถี่วิทยุขนาดเล็กในระดับ KHz มาจัดสรรให้แก่ผู้ใช้ตามข้อกำหนดของคลื่นความถี่วิทยุจนเกิดเป็นเครือข่ายแบบไร้สายที่มีขนาดใหญ่ และรองรับการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงในทุกสถานที่ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าความเร็วสำหรับ ไวแม็กซ์ (WiMAX) นั้นมีอัตราความเร็วในการส่งสัญญาณข้อมูลมากถึง 75 เมกกะบิตต่อวินาที (Mbps) โดยใช้กลไกการเปลี่ยนคลื่นสัญญาณที่ให้ประสิทธิภาพสูง สามารถส่งสัญญาณออกไปได้ระยพไกลมากถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร นอกจากนี้สถานีฐาน (Base Station) ยังสามารถพิจารณาความเหมาะสมในการรับส่งระหว่างความเร็วและระยะทางได้อีกด้วย
ในส่วนของพื้นที่บริการ ก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างกว้างขวางโดยใช้เทคนิคของการแปลงสัญญาณที่มีความคล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานบนมาตรฐาน IEEE 802.16a บนระบบเครือข่ายที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน (Mesh Topology) และเทคนิคการใช้งานกับเสาอากาศ แบบอัจฉริยะ (Smart Antenna) ที่ช่วยประหยัดต้นทุน และมีความน่าเชื่อถือสูงด้วยมีระบบจัดการลำดับความสำคัญของงานบริการ (Qos – Quality of Service) ที่รองรับ การทำงานของบริการสัญาณภาพและเสียง ซึ่งระบบเสียงบนเทคโนโลยี WiMAX นั้นจะอยู่ในรูปของบริการ Time Division Muliplexed (TDM) หรือบริการในรูปแบบ Voice over IP (VoIP) ก็ได้ โดยโอเปอร์เรเตอร์สามารถกำหนดระดับความสำคัญของการใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบของลัษณะงาน
ส่วนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยนั้น WiMAX มีคุณสมบัติของระบบรักษาความปลอดภัยสูงด้วยระบบรักษารหัสลับของข้อมูลและการเข้ารหัสในการเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมระบบตรวจสอบสิทธิในการใช้งาน
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายมาตรฐาน ไวแมกซ์ นั้น มีองค์กรที่ได้รับการจัดตั้งจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานกลางของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงมาตรฐาน IEEE 802.16 รวมถึงการทำหน้าที่ทดสอบและออกใบรับรองให้แก่อุปกรณืที่ใช้มาตรฐานไร้สายระบบใหม่ ทั้งนี้มาตรฐาน IEEE 802.16 จะถูกเรียกกันทั่วไปว่า ไวแมกซ์ เช่นเดียวกับมาตรฐาน IEEE 802.1
ผู้เขียน
๐ จุไรพร สุขปักษา
๐ ฐิติวัชร์ กมลธีระโรจน์
๐ อุดร เขียวอ่อน
ที่มา - WiMAX - vcharkarn.com, Wikipedia - Thai
More information: IEEE 802.16 Working Group on Broadband Wireless Access Standards, BWA คืออะไร ? โดย พ.อ.รศ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ, Siam WiMAX
Saturday, September 11, 2010
Broadband Wireless Access: BWA (WiMAX)
การสื่อสารความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยีไร้สาย(Broadband Wireless Access: BWA) เช่นเทคโนโลยี WiMAX เป็นบริการที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง อันเนื่องมาจากการจุดเด่นของเทคโนโลยีไร้สาย
นโยบายในกรณีคลื่นความถี่ของ BWA
1.การใช้คลื่นย่าน 2.3 GHz จะเป็นไปในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะให้บริการจากเมืองใหญ่ไปสู่เมืองเล็ก
2.การใช้คลื่นย่าน 2.5 GHz จะเป็นไปในเชิงบริการเพื่อสังคมและประชาชนในพื้นที่ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
การนำเทคโนโลยี BWA มาใช้สำหรับงานสาธารณะ จะเป็นการนำเอาจุดเด่นของโครงข่ายไร้สายในเรื่องของการสะดวก รวดเร็ว และต้นทุนต่ำในการขยายโครงข่ายมาใช้ โดยรูปแบบของการนำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดตั้งศูนย์กลางไว้คอยเป็นแหล่งกระจายบริการ หรือข้อมูลข่าวสารไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องการได้
WiMAX ใช้ความถี่วิทยุ 2500-2520 MHz
ความแตกต่างระหว่าง BWA(WiMAX) และ 3G เทคโนโลยี 3G และ BWA เช่น WiMAX ต่างเป็นเทคโนโลยีที่รองรับการให้บริการบรอดแบนด์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ความแตกต่างของทั้งสองเทคโนโลยีนั้นจะเกิดจากสายการพัฒนาของเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยี 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เน้นการสื่อสารเสียง ส่วนเทคโนโลยี BWA จะมีจุดเริ่มต้นจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ต ที่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการได้โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ที่มีเพียงเฉพาะข่ายสายเข้าถึงเท่านั้น โดยในระยะแรกจะยังไม่ให้ความสำคัญกับบริการสื่อสารเสียง
สรุปความแตกต่างหรือข้อได้เปรียบเสียเปรียบของทั้งสองเทคโนโลยี ดังนี้
-ความสามารถ Mobility - ผู้ใช้โทรศัพท์จะสามารถสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพการเคลื่อนที่ลักษณะใด แต่ BWA ในปัจจุบันนั้น ถึงแม้ผู้ใช้งานจะสามารถใช้ได้แม้ขณะเคลื่อนที่ แต่การเคลื่อนที่นั้นยังคงต้องอยู่ในพื้นที่การให้บริการของสถานีฐานเดิม ทั้งนี้ เนื่องจาก BWA ยังไม่มีการพัฒนาในเรื่องของการ Hand-over หรือ Hand-off เช่นที่โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำได้
-ความสามารถในเรื่องความเร็ว – ในประเด็นนี้หมายถึงความเร็วในการสื่อสารอินเทอร์เน็ต ซึ่ง BWA มีความได้เปรียบ 3G กล่าวคือ BWA สามารถรองรับการสื่อสารที่มีความเร็วเริ่มต้นที่ 2 Mbps ส่วน 3G นั้นรองรับความเร็ว 384 kbps
-บริการและคุณภาพ – ทั้งสองเทคโนโลยีจะมีข้อได้เปรียบในแต่ละบริการ เช่น 3G จะมีคุณภาพการให้บริการสื่อสารเสียงที่ดีกว่า ส่วนบริการด้านข้อมูลหรือวีดีโอหรือพหุสื่อนั้น BWA จะทำได้ดีกว่า เนื่องจากความสามารถในการสื่อสารความเร็วสูงได้ดีกว่านั้นเอง
ตัวอย่างของบริการที่สัมพันธ์กับความเร็ว เช่น บริการสื่อสารเสียง มีความต้องการความเร็วเพีย 4kpbs-64kpbs ส่วนวีดีโอนั้นจะต้องการความเร็วมากกว่า 1 Mbps
แนวโน้มในอนาคต แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีของทั้งสองนั้น มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่เป็นเสมือนบริการเดียวกัน คือ 3G จะพัฒนาเรื่องการสื่อสารข้อมูลให้เร็วขึ้น ส่วน BWA จะพัฒนาให้รองรับการสื่อสารเสียงที่มีคุณภาพและมี Mobility ในลักษณะเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ ซึ่งในอนาคตอาจกลายเป็น Service Convergence นั้นคือรวมบริการเบ็ดเสร็จทั้งเสียงและข้อมูลเพื่อรองรับการสื่อสารข้อมูลมัลติมีเดีย
ที่มา: WiMAX - Dr. Natee Sukonrat
นโยบายในกรณีคลื่นความถี่ของ BWA
1.การใช้คลื่นย่าน 2.3 GHz จะเป็นไปในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะให้บริการจากเมืองใหญ่ไปสู่เมืองเล็ก
2.การใช้คลื่นย่าน 2.5 GHz จะเป็นไปในเชิงบริการเพื่อสังคมและประชาชนในพื้นที่ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
การนำเทคโนโลยี BWA มาใช้สำหรับงานสาธารณะ จะเป็นการนำเอาจุดเด่นของโครงข่ายไร้สายในเรื่องของการสะดวก รวดเร็ว และต้นทุนต่ำในการขยายโครงข่ายมาใช้ โดยรูปแบบของการนำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดตั้งศูนย์กลางไว้คอยเป็นแหล่งกระจายบริการ หรือข้อมูลข่าวสารไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องการได้
WiMAX ใช้ความถี่วิทยุ 2500-2520 MHz
ความแตกต่างระหว่าง BWA(WiMAX) และ 3G เทคโนโลยี 3G และ BWA เช่น WiMAX ต่างเป็นเทคโนโลยีที่รองรับการให้บริการบรอดแบนด์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ความแตกต่างของทั้งสองเทคโนโลยีนั้นจะเกิดจากสายการพัฒนาของเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยี 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เน้นการสื่อสารเสียง ส่วนเทคโนโลยี BWA จะมีจุดเริ่มต้นจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ต ที่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการได้โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ที่มีเพียงเฉพาะข่ายสายเข้าถึงเท่านั้น โดยในระยะแรกจะยังไม่ให้ความสำคัญกับบริการสื่อสารเสียง
สรุปความแตกต่างหรือข้อได้เปรียบเสียเปรียบของทั้งสองเทคโนโลยี ดังนี้
-ความสามารถ Mobility - ผู้ใช้โทรศัพท์จะสามารถสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพการเคลื่อนที่ลักษณะใด แต่ BWA ในปัจจุบันนั้น ถึงแม้ผู้ใช้งานจะสามารถใช้ได้แม้ขณะเคลื่อนที่ แต่การเคลื่อนที่นั้นยังคงต้องอยู่ในพื้นที่การให้บริการของสถานีฐานเดิม ทั้งนี้ เนื่องจาก BWA ยังไม่มีการพัฒนาในเรื่องของการ Hand-over หรือ Hand-off เช่นที่โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำได้
-ความสามารถในเรื่องความเร็ว – ในประเด็นนี้หมายถึงความเร็วในการสื่อสารอินเทอร์เน็ต ซึ่ง BWA มีความได้เปรียบ 3G กล่าวคือ BWA สามารถรองรับการสื่อสารที่มีความเร็วเริ่มต้นที่ 2 Mbps ส่วน 3G นั้นรองรับความเร็ว 384 kbps
-บริการและคุณภาพ – ทั้งสองเทคโนโลยีจะมีข้อได้เปรียบในแต่ละบริการ เช่น 3G จะมีคุณภาพการให้บริการสื่อสารเสียงที่ดีกว่า ส่วนบริการด้านข้อมูลหรือวีดีโอหรือพหุสื่อนั้น BWA จะทำได้ดีกว่า เนื่องจากความสามารถในการสื่อสารความเร็วสูงได้ดีกว่านั้นเอง
ตัวอย่างของบริการที่สัมพันธ์กับความเร็ว เช่น บริการสื่อสารเสียง มีความต้องการความเร็วเพีย 4kpbs-64kpbs ส่วนวีดีโอนั้นจะต้องการความเร็วมากกว่า 1 Mbps
แนวโน้มในอนาคต แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีของทั้งสองนั้น มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่เป็นเสมือนบริการเดียวกัน คือ 3G จะพัฒนาเรื่องการสื่อสารข้อมูลให้เร็วขึ้น ส่วน BWA จะพัฒนาให้รองรับการสื่อสารเสียงที่มีคุณภาพและมี Mobility ในลักษณะเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ ซึ่งในอนาคตอาจกลายเป็น Service Convergence นั้นคือรวมบริการเบ็ดเสร็จทั้งเสียงและข้อมูลเพื่อรองรับการสื่อสารข้อมูลมัลติมีเดีย
ที่มา: WiMAX - Dr. Natee Sukonrat
3G -> 3.9G
3.9G คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือ 3G ความเร็วสูงสุดในการสื่อสารของ 3.9G คือ 42 Mbps ส่วนความเร็วสูงสุดของ 3G คือ 2 Mbps ดังนั้น 3.9G คือ เวอรชั่นล่าสุดของ 3G แต่มีความเร็วในการรับส่งสัญญาณเร็วกว่าประมาณ 20 เท่า 3.9G จึงเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
เมื่อความเร็วในการส่งข้อมูลมากขึ้น ทำให้คุณภาพของบริการดีขึ้น เช่น
-บริการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต (Mobile Broadband)ด้วยความเร็วสูงมากขึ้น
-บริการมัลตืมีเดีย เช่น การส่งคลิปเสียง/คลิปวีดีโอ เล่นเกมส์ ดาวน์โหลดเพลงและรูปภาพ video conference และบริการในลักษณะของ triple play คือ การใช้โทรศัพท์ การใช้อินเตอร์เน็ต และการรับส่งข้อมูลอื่นได้พร้อมกัน นอกจากนี้ยังทำให้การรับชมรับฟัง Hi Density TV เป็น real time มากขึ้นและคมชัดมากขึ้น
-นอกจากประโยชน์ที่เกิดในชีวิตประจำวันแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของ 3.9G คือ การเพิ่มโอกาสของการสื่อสารความเร็วสูงในพื้นที่ที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงทางสาย เช่น พื้นที่ในส่งภูมิภาคของประเทศ ดังนั้นเทคโนโลยีนี้จึเป็นช่องทางที่สำคัญในการกระจายข้อมูลข่าวสารและความรู้สู่ประชาชน
3.9G เป็นเทคโนโลยีเดียวกับ 3G ซึ่งจะสามารถรองรับเครื่องของลูกข่ายของ 3G และ 2G ได้ทั้งหมด ใบอนุญาต 3.9G จะเป็นย่านความถี่ 2100 MHz
ที่มา: 3.9G - Dr. Natee Sukonrat
เมื่อความเร็วในการส่งข้อมูลมากขึ้น ทำให้คุณภาพของบริการดีขึ้น เช่น
-บริการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต (Mobile Broadband)ด้วยความเร็วสูงมากขึ้น
-บริการมัลตืมีเดีย เช่น การส่งคลิปเสียง/คลิปวีดีโอ เล่นเกมส์ ดาวน์โหลดเพลงและรูปภาพ video conference และบริการในลักษณะของ triple play คือ การใช้โทรศัพท์ การใช้อินเตอร์เน็ต และการรับส่งข้อมูลอื่นได้พร้อมกัน นอกจากนี้ยังทำให้การรับชมรับฟัง Hi Density TV เป็น real time มากขึ้นและคมชัดมากขึ้น
-นอกจากประโยชน์ที่เกิดในชีวิตประจำวันแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของ 3.9G คือ การเพิ่มโอกาสของการสื่อสารความเร็วสูงในพื้นที่ที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงทางสาย เช่น พื้นที่ในส่งภูมิภาคของประเทศ ดังนั้นเทคโนโลยีนี้จึเป็นช่องทางที่สำคัญในการกระจายข้อมูลข่าวสารและความรู้สู่ประชาชน
3.9G เป็นเทคโนโลยีเดียวกับ 3G ซึ่งจะสามารถรองรับเครื่องของลูกข่ายของ 3G และ 2G ได้ทั้งหมด ใบอนุญาต 3.9G จะเป็นย่านความถี่ 2100 MHz
ที่มา: 3.9G - Dr. Natee Sukonrat
Subscribe to:
Posts (Atom)